“โฆษกมาร์ค” เปรียบ “ชวลิต” ขึ้นเวทีไพร่เสมือนโหนรถเมล์แดงคันสุดท้าย ส่งสัญญาณรุนแรงปลุกพฤษภาทมิฬรอบสอง แฉเหตุสามเกลอกลับลำไม่เจรจารัฐบาล ทำตามคำสั่งนายใหญ่ ที่ฝันหวานว่าจะได้รับชัยชนะ ตะเพิดแก๊ง พท.ไม่ร่วมประชุมสภาก็ให้ลาออกไปไม่ต้องรับเงินเดือน แบ่งฝ่ายสู้รบ รัฐบาลมาร์คฝ่ายเทพ กับทรราชย์แม้วหนีคดีฝ่ายมาร ไล่แม้วไปนุ่งโสร่งสู้ความจริง
วันนี้ (21 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ฉวยโอกาสโหนรถเมล์แดงคันสุดท้ายขึ้นเวทีไปชื่นชมชัยชนะของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นสัญญาณให้เห็นว่าสุดท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงอาจไม่สำเร็จในการเคลื่อนไหว เพราะมี พล.อ.ชวลิต เข้าไปด้วย และในประวัติศาสตร์ พล.อ.ชวลิตไม่เคยประสบความสำเร็จทางการเมือง เช่น ศึกร่มเกล้า หรือการที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อภิปรายในสภาเรื่องตู้ทองเคลื่อนที่ ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาให้คนยากจนในภาคอีสานถึงขนาดบอกว่าจะกระโดดแม่น้ำโขงตายหากทำไม่สำเร็จ การลาออกจากนายฯ เมื่อเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง การเป็นรองนายกฯ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้วันเดียวเจอคดี 7 ตุลาก็ต้องลาออกไป
“สุดท้ายรถเมล์แดงคันนี้อาจยางแตก และพล.อ.ชวลิตอาจกลับคำจากที่ว่า นายวีระ (มุสิกพงศ์) นายแน่มาก เป็น “นายวีระ นายแย่มาก” ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ชวลิตกระโดดขึ้นเวทีม็อบ น่าจะส่งสัญญาณว่าการชุมุนุมคนเสื้อแดงอาจจะมีความรุนแรงขึ้นได้”
นายเทพไทยังกล่าวถึงการที่แกนนำคนเสื้อแดงปฏิเสธการเจรจา ถือเป็นความตั้งใจของนายใหญ่ เพราะเห็นภาพคนจำนวนนมากที่มาจากการจัดฉากเคลื่อนไหวใน กทม. จึงฮึกเหิมคิดว่าจะชนะจึงปฏิเสธการเจรจา ยืนยันว่ารัฐบาลจริงใจในการเจรจา และได้ทำให้ทุกฝ่ายเห็นว่าไม่มุทะลุเอาชนะแล้ว แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากแกนนำชัดเจน โดยยื่นเงื่อนไขจะเจรจากับนายกฯคนเดียว เหมือนเป็นการได้คืบเอาศอก รัฐบาลยื่นมือ แต่แกนนำ นปช.กลับยื่นเท้า จึงขอให้สังคมพิจารณาว่าคนเสื้อแดงพร้อมให้บ้านเมืองสงบหรือไม่ และอยากให้สังคมเรียกร้องไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นแดงตัวพ่อ ให้ส่งสัญญาณชัดเจน เพราะไม่รู้ว่าต่อไปนายใหญ่จะเล่นมุกอะไรอีก อยากให้เห็นใจหัวอกคนไทยคนอื่นๆ ด้วย เพราะหลายองค์กรที่เสนอความเห็นมา เช่น องค์กรอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย ธุรกิจบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ที่ต่างประเมินว่าการชุมนุมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และบอกว่าการบยุบสภาไม่ใช่ทางออก แม้แกนนำนปช.ไม่ได้ทำธุรกิจ มีรายได้จากการทำม็อบ ก็ต้องเห็นใจคนไทยด้วย
นายเทพไทแถลงว่า กรณีพรรคเพื่อไทยประกาศบอยคอตไม่ร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งปกติ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ไม่เข้าร่วมประชุมสภาอยู่แล้ว คิดว่าการที่ออกมาพูดเป็นการพูดเอาสนุกปาก เพราะทำอย่างนี้มาหลายครั้ง เช่นบอกว่าจะลาออกจาก ส.ส. แต่สุดท้ายก็ไม่ลาออก ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยจะบอยคอต ขอให้สังคมถามว่าหากไม่เข้าประชุมก็ควรลาออกจาก ส.ส.ไป ไม่ควรรับเงินเดือน และไม่ควรได้รับสิทธิประโยชน์ เช่นการเดินทางด้วย
“นอกจากการประกาศบอยคอตแล้ว การที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยขึ้นเวที นปช. มองได้ว่าจะมีการนำเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 กลับมา โดยในวันนั้น ส.ส.ก็ไม่ร่วมประชุมสภา และมีมวลชนมาปิดล้อมสภาไม่ให้การประชุมสภาเดินไปได้ พล.อ.ชวลิตมีบทบาทสำคัญในวันนั้น โดยมีเครือข่ายนิยมความรุนแรงอยู่รอบตัวจำนวนมาก ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อ พล.อ.ชวลิต เปิดหน้าเคลื่อนไหว บ้านเมืองอาจวุ่นวายได้ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเทพและมาร แต่ตอนนี้เป็นเรื่องทรราชย์หนีคดีสู้กับรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง หรือเป็นการสู้กันระหว่งมารกับเทพ จุดจบเชื่อว่าเทพชนะมารอยู่วันยังค่ำ” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทแถลงว่า การที่ พ.ต.ทักษิณวิดีโอลิงก์มาแสดงความภูมิใจแกนนำและมวลชนคนเสื้อแดง สะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณลำพองตัว ฝันว่าจะได้รับชัยชนะ ทั้งนี้การพาดพิงนายกฯ ว่าไม่ควรหนีคนเสื้อแดง ขอบอกว่านายกฯไม่ได้หนี แต่ไม่อยากให้เกิดการปะทะ ซึ่งก็ดีกว่าคนที่หนีคุก และที่บอกว่านายกฯ อยู่ในราบ 11 เหมือนถูกทหารควบคุมตัวนั้น ก็คงไม่ใช่ เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ต้องประสานกับทหารอย่างใกล้ชิด และที่บอกว่าให้นายกฯ เอากางเกงพรานทหารมาใส่ ซึ่งไม่ใช่น่าเสียหาย แต่คนหนีคดีไม่กล้าสู้ความจริง กล้าเอาโสร่งมาใส่หรือไม่
