เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 นับจากวันนี้เป็นต้นไปถือว่าเป็นช่วงที่อันตรายและชี้ชะตาของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งล่าสุดถูกชูให้เป็น “หัวหน้าไพร่” ใน “สงครามชนชั้น” ในยุคใหม่ เพราะเป็นไพร่คนเดียวที่เป็นเศรษฐีแสนล้าน น่าจะเรียกว่ามีอยู่คนเดียวในโลกที่เป็นแบบนี้ เพราะสิ่งที่เครือข่ายของเขากำลังพยายามนำมาขยายผลอยู่ในเวลานี้ก็คือ อ้างความไม่เป็นธรรม ถูกรังแก โดยใช้ถ้อยคำ “ปลุกระดม” อย่างเดียว ไม่ต้องชี้แจงในรายละเอียด ปั่นหัว “คนเสื้อแดง” ที่ไม่เข้าใจหรือเข้าไม่ถึงข้อมูลการโกงที่ซับซ้อน ซึ่งเป้าหมายล่าสุดเน้นไปที่ “อำมาตย์” แต่คนที่รู้ทันก็มองออกว่าต้อง “เหนือ” กว่านั้นแน่นอน
00 กรณี “เคทอง” หรือ “พรวัฒน์ ทองสมบูรณ์” ลูกน้องชั้นปลายแถว ที่ใกล้ชิดกับ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” มีภาพปรากฎในคลิปข่มขู่ว่าจะเกิดเหตุลอบวางระเบิดรวมทั้งการพูดจาเพื่อสร้างความกลัวจนอาจเกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตำรวจและฝ่ายความมั่นคงที่อยู่ในความดูแลของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังมัวนิ่งเฉยอยู่ทำไม ทั้งที่คนๆนี้มี “หมายจับ” อยู่แล้ว นั่งบื้อกันอยู่ทำไมไม่รู้
00 การหยุดยั้งความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น จึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่าจะมี “น้ำยา” แค่ไหน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายว่าจะมีความเข้มงวดและเอาจริงเอาจัง ที่สำคัญต้องไม่ “เกียร์ว่าง” ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็ต้องมีความกล้าหาญที่จะจัดการกับพวก “แทงกั๊ก” ให้เด็ดขาด อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” จะสามารถสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
00 แม้ยอมรับว่าการรับมือและการตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุร้ายประเภทลอบวางระเบิด ขว้างระเบิดเพื่อหวังผลทางการเมืองแบบนี้ทำได้ยากพอสมควร แต่อย่างน้อยมาตรการป้องกันที่บอกว่าทำได้สมบูรณ์แบบ รับมือไว้อย่างดี ก็ไม่เห็นทำได้สมราคาคุย เพราะหากว่ากันไปแล้วการลอบวางระเบิดที่ริมรั้วพาณิชย์พระนครที่อยู่ตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาลและการลอบวางระเบิดข้างศาลฎีกาก่อนวันพิพากษาเพียงไม่กี่วันปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นจุดสำคัญ แต่เพิ่งจะเอารั้วเหล็กมากั้นหลังเกิดเหตุไปแล้ว ซึ่งมันเป็นไปได้อย่างไรว่าทำไมถึงไม่ตื่นตัวเข้มงวดกันก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นบทเรียนประเภท “วัวหายแล้วล้อมคอก”
00 ถ้าพูดถึงการดิ้นรนของ ทักษิณ เพื่อให้ได้ทรัพย์สินเงินทอง และอำนาจกลับคืนมาถือว่าสุ่มเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียทั้งหมด เพราะว่าวิธีการที่กำลังทำอยู่นั้นถือว่าถลำลึกดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ยากที่จะถอนตัว และที่สำคัญใกล้คำทำนายของ “หลวงตาบัว” ที่เคยเตือนว่าในที่สุดแม้แต่ “ชีวิต” ก็รักษาเอาไว้ไม่ได้
00 นี่ก็ไม่ต่างกันเลยทั้งนายทั้งบ่าว เพราะล่าสุด นพดล ปัทมะ ทนายความที่หลายคนบอกว่าเป็นมือดีทางกฎหมาย นักเรียน “ทุนหลวง” จบมาจากสถาบันมีชื่อเก่าแก่ ที่กลับมาเดินในเส้นทางรับใช้ “ทรราชย์” ปรากฎว่าหลายเรื่องหลายกรณีล้วนมีแต่ผลลบกับ ทักษิณ ทั้งสิ้น ขนาดตัวเองก็กำลังเดินเข้าสู่ประตูคุก เพราะกรณีประเคนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาท “พระวิหาร” เป็นมรดกโลกและกำลังถูกวุฒิสภาดำเนินการถอดถอนตามกระบวนการ และที่ผ่านมาคดีก็กำลังพิจารณาอยู่ในศาลเชื่อว่าอีกไม่นานก็น่าจะได้ผลกรรมตามไป และยิ่งเอ่ยปากสาบานขอให้มีอันเป็นไปภายใน 3 วัน 7 วัน ก็ให้รอดูชะตากรรมในบั้นปลายว่าจะเดินตามกันไปติดๆหรือไม่ รวมไปถึง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ที่กำลังถูกวุฒิสภาดำเนินการในคดีเดียวกัน ก็อยากรู้เหมือนกันว่ารายนี้จะกล้าสาบานหรือเปล่า !!