“กรรมการสิทธิฯ” ไม่พร้อมเป็นคนกลางเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายใช้แนวทางสันติวิธีการชุมนุมคนเสื้อแดง แต่พร้อมคุยทั้ง 2 ฝ่าย คาดหวังให้ตัวแทนทั้ง 2 ฝ่ายมานั่งคุยกัน ชี้ช่องโหว่ รธน.มาตรา 63 ขัดกับความเป็นจริง ในเรื่องที่เป็นสัญลักษณ์ และส่วนบุคคล แต่การชุมนุมเสื้อแดงกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลและสถานที่ราชการในเชิงสัญลักษณ์
วันนี้ (18 มี.ค.) นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่รัฐโดยแนวทางสันติวิถี ที่เป็นการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิฯ ไม่ได้เป็นคนกลาง แต่จะเป็นคนที่เข้าพูดจากับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งก็ไม่ง่ายแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ และอาจจะช่วยให้สถานการณ์ทุเลาไปได้ในระดับหนึ่ง เมื่อถามว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่แกนนำผู้ชุมนุมและรัฐบาลจะมานั่งคุยกัน ก็มีความเป็นไปได้ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องอยู่ภายใต้กติกา และข้อกำหนดที่ตกลงร่วมกัน
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ผู้ชุมนุมต้องไม่ไปปิดล้อมพื้นที่สาธารณะ และข้อตกลงที่เป็นกลางระหว่างรัฐบาลและเสื้อแดงนั้น ก็จะมีการเปิดช่องให้มากขึ้นในการเจรจา อาจต้องดูว่ามีการเจรจาหรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ใช้ความรุนแรง ที่เป็นแนวทางสันติวิธีตามหลักสากล และกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่ระบุว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยตามอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก” ซึ่งในมาตรา 63 ก็มีความขัดแย้งในเรื่องที่เป็นสัญลักษณ์ และส่วนบุคคล ที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาลและบ้านพักของนายกรัฐมนตรี
