เกาะกระแส
00 ถ้าการชุมนุมของม็อบ ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินมาในสภาพแบบนี้ จำนวนคนหรอมแหรมแค่นี้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมากว่าจะมีอนาคตแบบไหน เพียงแต่รอดูว่าจะจบวันไหนเท่านั้นเอง ส่วนสำคัญนอกจากสาเหตุในเรื่องการชุมนุมไม่ชอบธรรม รู้ทันว่า “เจ้าของ” ม็อบเห็นแก่ตัว พฤติกรรมในสายเลือดนิยมทำธุรกิจผูกขาดคิดแต่กำไร แต่กลับอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่ประวัติตั้งแต่เกิดจนแก่ไม่เคยเข้าร่วมต่อสู้เพื่อส่วนรวม แต่ดันตัดตอนอ้างเอารัฐบุรุษทั้งของไทยของโลกเป็นแม่แบบ เช่น ปรีดี พนมยงค์ มหาตมะ คานธี เนลสัน แมนเดลา อองซานซูจี ทั้งที่คนเหล่านี้เขาเป็นักสู้ของจริง ไม่เคยหนีคุก ไม่เคยหนีประชาชน พร้อมเดินนำหน้าไม่ใช่ตัวเองจิบไวน์ปลุกระดมคนอื่นอยู่ในห้องแอร์ให้ออกมาต่อสู้ตากแดดตากฝน แต่กลับสั่งให้ลูกเมียญาติเผ่นออกนอกประเทศเอาตัวรอด ทุด !!
00 เมื่อสภาพความเป็นจริงแบบนี้ก็อย่าได้แปลกใจที่มีจำนวนคนเสื้อแดงเข้ามาร่วมอยู่หน้าเวทีสูงสุดแค่ประมาณหมื่นเศษเท่านั้น และยิ่งไปยึดชัยภูมิบริเวณสะพานผ่านฟ้าตั้งเป็นเวทีใหญ่ ต้องปิดถนนราชดำเนินนอกซึ่งเปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่สำหรับการจราจรที่เชื่อมระหว่างฝั่งธนฯกับฝั่งพระนคร เมื่อเวลายิ่งผ่านไปก็ยิ่งกดดันตัวเองเนื่องจากชาวบ้านด่ากันขรมอย่างน้อยก็ต้องมองด้วยสายตาแปลกๆ
00 ยุทธการ “สูบเลือด-เทเลือด” ก็เช่นเดียวกันไม่รู้ว่าเป็นความคิดของใคร เพราะมัน “น่าสมเพช” สิ้นดี นั่นคือ สมเพช ทั้ง ทักษิณ ที่เป็นเจ้าของ และแกนนำ รวมไปถึงชาวบ้านที่ถูกชักจูงเข้าร่วม เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนมีแต่ผลลบ โดยเฉพาะการไปทำพิธีไสยศาสตร์ “มนต์ดำเขมร” ไปเทเลือดหน้าทำเนียบฯ โดยเฉพาะการไปเทเลือดที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์กับที่บ้านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในย่านถนนสุขุมวิท ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านที่ได้เห็นภาพข่าวล้วนแต่เบือนหน้าหนีด้วยความสยดสยอง สะอิดสะเอียด ยิ่งทำให้การชุมนุมยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายที่ฝันเอาไว้มากขึ้นไปอีก เพราะทำให้หันกลับมาสงสารนายกฯมากขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ บางคนถึงกับสรุปทันทีว่าการชุมนุมจะยุติในอีก 2-3 วันนี้
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ได้ยินข่าวความแตกแยก แย่งชิงการนำระหว่างแกนนำเสื้อแดง เพราะหลังจากที่ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล กับ สุรชัย แซ่ด่าน(ด่านวัฒนานุสรณ์) ออกมาดิสเครดิต “ 3เกลอ” ทำนองว่ากำลังพาม็อบไปสู่หายนะก็ถูกตอบโต้ทันควันจาก จตุพร พรหมพันธุ์ว่า “ไอ้กระจอก” ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน เพราะงานนี้สำหรับ ทักษิณ อีกไม่นานคงจะได้เจอกับชะตากรรมอันน่าเศร้า และล่าสุดก็มีการประกาศตัดขาดไม่เผาผีกันแล้ว
00 เมื่อทุกอย่าง “หลุดเป้า” ผิดคาดกันแบบนี้อีกด้านหนึ่งก็ยิ่งน่ากลัว เพราะโอกาสเกิดความรุนแรงมีสูง โดยเฉพาะการสร้างสถานการณ์ เพราะมีแต่วิธีถ่อยๆแบบนี้เท่านั้นที่ “คนหน้าเหลี่ยมๆ” ต้องการให้เกิดจลาจลแบบเดือนพฤษภาคมปี 35 ดังนั้นก็ขอให้ “ 3 เกลอ” ระวังหัวเอาไว้ให้ดี เพราะมีโอกาส “ถูกเป่า” ได้ไม่ยาก
00 หลายคนคงแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆเมื่อวานนี้(17 มี.ค.) ที่มีฝนตกลงมาห่าใหญ่ทั่วกรุงเทพฯทำเอาม็อบเสื้อแดงเปียกปอนกันทั่ว จะเรียกว่าเกิด “อาเพท” ก็ว่าได้ จะมองแบบที่ว่าเป็น “ฝนล้างเลือด” ก็เป็นได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างสองพื้นที่นั่นบริเวณพื้นที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงมีฝนเทลงมาจนเปียกแฉะ แต่ขณะเดียวกันพื้นที่ภาคใต้ จ.ยะลาเมื่อวานนี้ (16มี.ค.) ขณะที่มีพระราชทานเพลิงศพ “วีระบุรุษบันนังสตา” พ.ต.อ.สมเพีบร เอกสมญา ท้องฟ้ากลับปลอดโปร่ง!!