ศอ.รส.ห่วงแก๊งหางแดงเคลื่อนไหวด้วยเลือด ขณะที่ “นช.แม้ว” วิดีโอลิงก์ปลุกสงครามชนชั้นส่งสัญญาณกลุ่มฮาร์ดคอร์ใช้ความรุนแรง เร่งใช้สื่อรัฐแจง พร้อมสั่งทหาร-ตำรวจดูแลเข้ม 38 จุดสำคัญ แฉพบระเบิดเพลิงจากกลุ่มเชียงใหม่ 51 ในม็อบเสื้อแดง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) รัฐบาลสั่งการตำรวจนครบาลขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากแกนนำผู้ชุมนุมบางส่วนเช่น นายวีระ มุสิกพงศ์ ในการร่วมกันเข้าตรวจพื้นที่ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าจะก่อเหตุความรุนแรง ผลการตรวจสอบไม่มีการก่อเหตุรุนแรง แต่สิ่งที่กังวลคือท่าทีก่อเหตุรุนแรง กรณีใช้เลือดเป็นสัญลักษณ์เทหน้าทำเนียบรัฐบาล ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพราะการใช้เลือดจะเป็นสัญลักษณ์จุดเริ่มต้นใช้ความรุนแรง และไม่ใช่สันติวิธีตามที่ นปช.เคยประกาศตั้งแต่ต้น ซึ่งรัฐบาลปรารถนาไม่ใช้ความรุนแรง
“กรณีใช้เลือดเป็นที่วิพกาณษ์วิจารณ์จากสื่อต่างประเทศว่าแกนนำจะเปลี่ยนแปลงวิธีเคลื่อนไหว โดยเฉพาะแกนนำที่นิยมใช้ความรุนแรง ศอ.รส.จำเป็นต้องดูแลพื้นที่จุดเสี่ยงต่อไป”
นายสาทิตย์กล่าวว่า ศอ.รส.เป็นห่วงท่าที พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอลิงก์เช้ามายังกลุ่มผู้ชุมนุม น่ากังวลว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นได้ 2 ประเด็น คือ 1.สนับสนุนใช้เลือดต่อสู้ น่าจะนำไปสู่ความรุนแรง ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า ได้ข่าวมีคนนำน้ำผสมยาพิษให้ผู้ชุมนุม เป็นข้อความเป็นเท็จสิ้นเชิงแต่ฝ่าย นปช.นำขยายผล
“ขอชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่บริการอาหาร เครื่องดื่ม แต่อำนวยความสะดวกให้กลุ่มผู้ชุมนุม ตัวอย่างมีการเข้าตรวจอาวุธร่วมกับการ์ด นปช. เมื่อวานพบระเบิดเพลิงจากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยกลุ่มอ้างว่าเป็นกลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 และมอบให้ตำรวจแถลงข้อเท็จจริงต่อไป”
ประเด็นที่ 2 กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ปราศรัยเรื่องการแบ่งแยกชนชั้น เป็นประเด็นอ่อนไหวในสังคมไทย และปลุกระดมแบ่งแยกชนชั้นเศรษฐีเก่าและรุนใหม่ต้องการประชาธิไตย การแบ่งแยกชนชั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาพื้นฐานทางสังคม แก้ปัญหาความยากจนในเมืองและชนบทอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีการเรียกร้องเรื่องภาษีที่ดิน ซึ่งไม่มีรัฐบาลชุดใดกล้าแก้ แม้แต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ปัจจุบันรัฐบาล พร้อมเสนอ พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน อีกทั้งรัฐาลปัจจุบันเสนอโฉนดชุมชนแก้ปัญหาที่ดิน ศอ.รส.ขอให้สื่อของรัฐได้ชี้แจง เพื่อให้รู้ว่า สังคมไทยไม่ได้แบ่งแยกชนชั้น และรัฐบาลคำนึงถึงพื่น้องในเมือง และชนบท
นายสาทิตย์กล่าวว่า การติดตามสถานการณ์ เมื่อการชุมนุมมียอดเปลี่ยนแปลงอาจไม่สอดคล้องกับเจตนารมย์การเคลื่อนไหวตามที่ประกาศ ซึ่งเป็นความกังวลจากสื่อต่างประเทศอาจเปลี่ยนใช้แนวทางรุนแรงก็จะติดตามข่าวควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ทาง ศอ.รส. จะขอความร่วมมือประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส กรณีอาจเกิดเหตุใช้ความรุนแรงด้วย ในเวลาเดียวกัน ศอ.รส.จะเข้มงวดตรวจสอบเหตุความรุนแรง
“ที่ถามว่าท่าทีรัฐบาล นายกฯ และครม. เมื่อต้องดูแลสถานการณ์ จะปฏิบัติหน้าที่ราชการได้หรือไม่ ขอชี้แจงว่าการปฏิบัตราชการของนายกฯ และครม.ยังดำเนินไปตามปกติ อย่างเมื่อวานนี้ นายกฯและรัฐมนตรีบางส่วนเดินทางไปตรวจสภาพปัญหาภัยแล้ง และวันนี้จะเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา บ่ายวันนี้ และพรุ่งนี้มีกำหนดดการโดยต่อเนื่อง นัดหมาย ประชุมส่วนราชการคงดำเนินต่อไป ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ปฏิบัติราชการรตามปกติ”
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายางกร รองเลขาธิการนายกฯ และปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศอ.รส.ต้องปรับกำลังรักษาความปลอดภัย 4 กลุ่ม กลุ่มแรก สถานที่ราชการพลเรือนทหาร บุคคลสำคัญ เครือข่ายสาธาณูปโภค หน่วยงาสาธารณูปโภค จำนวน 38 แห่ง เหตุผลสำคัญ มีบางกลุ่มไม่เห็นด้วยต่อแนวทางเคลื่อนไหว นปช.ที่ต้องการใช้สันติวิธี
นายปณิธานกล่าวว่า ที่มีข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมไปประท้วงสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ดำเนินไปตามปกกติ ต้องคำนึง อังกฤษเดินทางเข้าออกประเทศไทยปีหนึ่งเกือบล้านคน เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้นในประเทศ เป็นเรื่องปกติที่แต่ละประเทศจะแจ้งเตือนประชาชนของเขาให้ระมัดระวังการก่อความไม่สงบ ไม่อยากให้ชุมนุมประท้วงสถานทูต แต่ถ้าจะเดินทางไปก็ขอให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด