โชกุน
ภาพรถบรรทุกแก๊สที่กลุ่มเสื้อแดงขับมาจอดทิ้งไว้หน้าแฟลตดินแดง และภาพรถเมล์ถูกเผากลางสี่แยกเมื่อสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว ถูกแพร่ภาพผ่านจอทีวีทุกช่องสู่สายตาคนไทยทั้งประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนึ่งภาพ แทนคำนับพัน หนึ่งภาพ ลบล้างคำโป้ปดมดเท็จ เปิดโปงให้เห็นถึงจิตใจที่นิยมความรุนแรงของแกนนำคนเสื้อแดง ภาพเหล่านั้นคือตะปูตอกฝาโลงปิดฉากการดิ้นรนต่อสู้เพื่อทวงอำนาจคืนของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพราะทำให้คนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบได้รู้จัก นช.ทักษิณตัวจริงเสียที
มีนาคมปีนี้ ภาพคนเสื้อแดงที่ถูกหลอก และรับจ้างมานอนตาแดดแล้ว ยังถูกหลอกรีดเลือด เพื่อเอาไปสาดที่ประตูทำเนียบรัฐบาล คือภาพที่สะท้อนจิตใต้สำนึกของ นช.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดงอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง เพื่อโค่นล้มระบบการปกครองปัจจุบัน แต่เมื่อรัฐบาลรู้ทันและรับมือกับม็อบเสื้อแดงอย่างมีสติ คนพวกนี้จึงไม่สามารถชูคาถาของพวกซ้ายเก่า “เลือดต้องล้างด้วยเลือด” ได้ ต้องหันมาใช้เลือดพวกเดียวกันเองไปชำระความแค้นของ นช.ทักษิณ ที่มองเห็นความล้มเหลวของการชุมนุมตั้งแต่วันแรกแล้ว
นับเป็นครั้งแรกที่แกนนำคนเสื้อแดงคิดยุทธวิธี รูปแบบการเคลื่อนไหวเองโดยไม่ต้องลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไปขุดเอาวาทกรรม ของฟอสซิลทางประวัติศาสตร์อย่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มาปลุกเร้าคนเสื้อแดงที่บัดนี้ถูกพวกแกนนำยัดเยียดความเป็นไพร่ให้แล้ว
เมื่อต้องคิดเองทำเอง สิ่งที่แสดงออกมาคือ จิตใต้สำนึกที่ครอบงำสติปัญญาอันมีอยู่น้อยนิด ยุทธการรีดเลือดไพร่มาสังเวยความแค้นของตน ครั้งนี้ จึงเป็นการฆ่าตัวตายอีกครั้งหนึ่งของ นช.ทักษิณ เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจนิยมความรุนแรง ที่ปิดไม่อยู่
เลือดคือสัญลักษณ์ของความรุนแรง คนไทยเห็นเลือดแล้วกลัว สะอิดสะเอียน นช.ทักษิณ จงใจใช้กลิ่นคาวเลือดเพื่อข่มขู่คนไทยว่า ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะอยู่อย่างสุขสบาย ดังที่เขาเคยพูดมาก่อน
ขอถามไปถึงเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง และนักวิชาการสีขาวอย่างนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล และนักสันติวิธีอย่างนายโคทม อารียา ว่าถ้าการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกล่าวโจมตีกันถือว่าเป็นความรุนแรงรุปแบบหนึ่ง ในมุมมองของนักสันติวิธีแล้ว การใช้เลือดเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของ นช.ทักษิณ จะถือว่าเป็นความรุนแรงได้หรือไม่?
การชุมนุมของคนเสื้อแดงเที่ยวนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายที่ว่าจะจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะกระแสสังคมไม่เอาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจาก นช.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่าซุกหุ้นชินคอร์ไปไว้ตลอด 4 ปีกว่าที่เป็นนายกรัฐมนตรี และเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป
ที่สำคัญและเหมือนกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา คือ ผู้มาชุมนุมไม่ได้มาด้วยความคิด อุดมการณ์อย่างแท้จริง แต่มาเพราะอามิสสินจ้าง ใช้ระบบหัวคะแนนชักชวนกันมา โดยมีค่าจ้างเป็นแรงจูงใจ เกณฑ์กันมาเต็มที่แล้ว ก็ยังไม่ถึง 1 ใน 10 ที่คุยไว้ล่วงหน้าว่า จะมาเป็นล้าน และเมื่อการชุมนุมผ่านไปได้ เพียง 3 วันคนเสื้อแดงจำนวนมากก็ขนของกลับบ้านแล้ว เพราะว่าจ้างกันมาแค่ 3 วัน ข้าวปลาอาหาร ที่เตรียมมาพอดีมื้อก็หมดลงแล้ว
แกนนำเสื้อแดงจะหาทางลงอย่างไร ไม่ให้เสียหน้า และแก้ตัวกับ นช.ทักษิณได้ ความรุนแรงอาจะเป็นทางออก รอรัฐบาลไม่ไหวก็สร้างสถานการณ์เสียเอง แล้วโยนความผิดไปให้มือที่ 3 หรือพวกแดงเทียม