"สุริยะใส" เย้ยม็อบแดงมาน้อยไม่ตามที่โม้ คาด คน"ชินวัตร" หนีออกไทย ทำมวลชนรู้สึกถูกหลอกใช้ แกนนำปลุกระดมไม่สันติวิธี ทำคนกลัวไม่อยากมา ซ้ำ "ทักษิณ" ใช้สะเปะสะปะทำสับสน แถมท่อน้ำแดงไม่มาตามนัด ส.ส.หันไปรอซักฟอกแทน ขณะที่พลังเงียบเมินร่วม ข้อเรียกร้องยังขัดแย้งกันเอง เชื่อเดี๋ยวมีปรับแผน "นช.แม้ว" สั่งแตกหักแนะจับตาคืน 13 - 14 มีนา
วันนี้ (12 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมือง กล่าวถึงการชุมนุมใน กทม.ของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้ง 5 จุดว่า ตนเห็นว่าผู้ชุมนุมมาน้อยเกินคาดจุดละประมาณ 1,000 คน เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นอย่างที่ประกาศไว้ ตนเชื่อว่าเหตุที่คนมาน้อยคงเป็นเพราะสาเหตุสำคัญ 5 ประการด้วยกัน คือ ประการแรก กรณีที่ตระกูลชินวัตรได้ทยอยเดินทางออกนอกประเทศในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศทำสงครามครั้งสุดท้ายนั้น ส่งผลทางจิตวิทยาต่อมวลชนอย่างรุนแรง เพราะมวลชนรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกใช้ จนบางส่วนไม่เข้าร่วมและถอนตัวออกไป
ประการที่สอง แนวทางการต่อสู้ที่ไม่ยึดมั่นอหิงสา สันติวิธี โดยเฉพาะการปราศรัยของแกนนำปลุกระดมยั่วยุท้าทายความรุนแรงตลอดเวลา มวลชนฟังแล้วอาจคึกคัก ฮึกเหิม แต่เมื่อถึงวันจริงๆ ก็อาจเกิดความหวาดกลัวเพราะคงไม่มีใครอยากไปเจ็บหรือไปตายประการที่ 3 การนำไม่เอกภาพ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน และสงครามครั้งครั้งสุดท้ายรอบนี้ แกนนำบางส่วนเสนอยุทธการแตกหักทำสงครามประชาชน แต่บางส่วนบอกใช้มวลชนกดดันยืดเยื้อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใช้วิธีแบ่งแยกปกครองเอาทุกยุทธการ เลยทำให้แกนนำที่มีอยู่เป็นร้อยทั่วประเทศเกิดความสับสนไม่รู้จะเริ่มและจบตรงไหน อย่างไร
ประการที่ 4 ท่อน้ำเลี้ยงไม่มาตามนัด ส.ส.หลายคนจึงไม่สามารถระดมมวลชนเข้าร่วมได้ตามเป้า ถ้ามาก็ต้องขึ้นต่อการนำของ 3 เกลอ นปช. ทำให้ ส.ส.หลายคนจึงเริ่มถอยฉากไม่ร่วมหรือลดระดับการเข้าร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ โดยหันไปเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงหลังสงกรานต์แทน และประการที่ 5 แนวร่วมหรือพลังเงียบไม่เข้าร่วมเพราะข้อเรียกร้องสะเปะสะปะไม่จัดลำดับความสำคัญ เปิดศึกหลายด้านทั้งโค่นอำมาตย์ โจมตีศาล จี้รัฐบาลยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องที่ขัดแย้งกันเอง ที่สำคัญมาตรการชุมนุม 5 จุด สี่มุมเมืองวันนี้ไปกดดันประชาชนที่หาเช้ากินค่ำมากกว่าจะกดดันรัฐบาลเหมือนการชุมนุมทั่วๆ ไป
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า นปช.จะมีการปรับแผนในช่วง 2 - 3 วันนี้แน่นอนเพราะเมื่อมวลชนมาไม่ตามคาดโดยเฉพาะการตั้งเป้าเป็นล้านคนนั้นซึ่งมาจริงๆ อาจไม่ถึง 5 หมื่นคน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจต้องเลือกยุทธการแตกหักสั่งใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งต้องจับตากลางคืนวันที่ 13 - 14 มีนาคมนี้ อาจเป็นจุดแตกหักและจุดจบของสถานการณ์ก็เป็นไปได้ เพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เพลี่ยงพล้ำครั้งนี้จะฟื้นยากเพราะเปิดศึกหลายด้านเกินความจำเป็น และฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจะจับมือไล่บี้เอาคืน