“สาทิตย์” เผยกรอบปฏิบัติการชุมนุมต้องพกบัตรประชาชน รถกระบะทะเบียนต่างจังหวัดห้ามเข้าเขตประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หวั่นขนต่างด้าวเผาเมือง เว้นแต่ต้องไปแจ้งให้อำเภอออกใบอนุญาตมาแสดงต่อด่านตรวจ ส่วนวิทยุชุมนุม ทีวีดาวเทียมหากออกอากาศในลักษณะปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงถูกปิด
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องชี้แจง 2 เรื่องใหญ่ๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกได้ หารือถึงช่วงค่ำ คือ 1.เรื่องการปฏิบัติตัวของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้หารือกับกองทัพ และตำรวจนครบาล สรุปว่าประชาชนทุกคนที่จะเจ้าร่วมการชุมนุมต้องพกบัตรประชาชน เพื่อป้องกันคนต่างด้าวที่จะลักลอบเข้ามา และรถทุกคันต้องมีทะเบียนรถ 2.การนำรถเข้ามากรณีที่เป็นรถบรรทุกเล็กและเป็นทะเบียนต่างจังหวัด ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงจะไม่อนุญาติให้นำรถเข้ามา แต่มีกระแสข่าวว่ารถที่เข้ามาบางคัน เป็นของผู้ที่จะเข้ามาทำธุระ หรือนำสินค้ามาขาย ซึ่งตรงนี้รัฐบาลได้เตรียมมาตราการไว้ 2 อย่าง เช่นกรณีที่เราต้องการเข้ามากรุงเทพฯ จะต้องไปทำเรื่องขออนุญาตต่อทางอำเภอ และนำใบอนุญาตมาแสดงที่จุดตรวจทุกจุด
ส่วนเรื่องที่ 2 กรณีที่เอารถเข้ามาแล้ว ซึ่งเป็นรถของกลุ่มผู้ชุมนุม เราจะเตรียมที่จอดรถเอาไว้ ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 นครบาล และกทม. จะสรุปเรื่องดังกล่าวในเวลา 12.00 น.ของวันที่ 11 มี.ค.นี้ และตนจะนำข้อสรุปจากการหารือมาเผยแพร่ต่อประชาชน เพราะเรื่องเหล่านี้สร้างความสับสนอยู่มาก และรัฐบาลคงจะต้องจัดรายการเพื่อชี้แจงและทำประชาสัมพันธ์อีกหลายช่องทาง
“ผมยอมรับว่าเป็นห่วงในเรื่องของทะเบียนปลอม เหมือนของ พล.ต.ขัตติยะ (สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก) หรือ เสธ.แดงที่ยังเป็นปัญหาเรื่องทะเบียนรถอยู่ เพราะมาตราการดังกล่าวต้องการกันรถแปลกปลอม”
นายสาทิตย์กล่าวว่า สำหรับด่านตรวจกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นจะมีทุกจุดทั่ว กทม. และจะตรวจอย่างเข้มข้น ซึ่งยอมรับว่ากังวลการตั้งด่านตรวจ จะไปกระทบกับผู้ใช้เส้นทางปกติที่ไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุม และยืนยันว่าทางรัฐบาลจะเตรียมการรับมือกับเรื่องการจราจร และที่จอดรถ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะมีรถเข้ามาในกทม.เป็นหมื่นคัน เพราะตามปกติรถใน กทม.ก็มีจำนวนมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกจัดหารถบัส รถไฟ อำนวยความสะดวกกันอย่างกันอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะแหกด่าน ก็ต้องรอดูว่าทำจริงหรือไม่ และแหกด่านไปเพราะอะไร เพราะด่านไม่ไดสกัดผู้มาขุมนุม แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบบัตรประชาชน ทะเบียนรถ และอาวุธ เพราะฉะนั้น ผู้ที่คิดแหกด่านด้วยความตั้งใจมี 2 เหตุผล คือ 1.มีอาวุธ และ 2.คนต่างด้าวหรือทะเบียนรถปลอม
นายสาทิตย์กล่าวว่า เรื่องวิทยุชุมชนและสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เรามีคณะทำงานติดตามก่อนหน้านี้อยู่แล้ว โดยมีการประสานไปยัง กทช.และได้เลขาธิการ กทช.มาติดตามในเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่งจะดูตามเงื่อนไขขอใบอนุญาติไปชั่วคราว หากผิดไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็จะดำเนินการส่วนของคลื่นและเครื่องวิทยุ ส่วนกรณีบุคคลที่อาจจะไปพูดจาลักษณะดูหมิ่นจาบจ้วงและปลุกระดม ก็มีฝ่าย กทช.คอยฟังอยู่ รวมทั้งของทางตำรวจนครบาลด้วย ซึ่งในช่วงสถานการณ์ขณะนี้ก็ต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มข้น และยืนยันว่าไม่ได้จ้องเพื่อคิดจะหาเรื่องปิด
ส่วนกรณีที่กลุ่มผุ้ชุนมุมจะไปตั้งศูนย์ข่าวสีแดงตามที่แกนนำได้ประกาศไว้ หากไม่มีการปลุกปั่นยุยงให้มีการกระทำผิดก็ไม่มีปัญหา ตนคิดว่าเรื่องนี้คนที่พูดพยายามตีปลาหน้าไซไปก่อน แต่ทางรัฐบาลไม่สามารถปิดได้ หากสถานีนั้นๆ ไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องเตือนคนทำที่เกี่ยวกับรายการของคนเสื้อแดงให้ระวัง เพราะหากไปถ่ายทอดสดเพื่อปลุกระดม ก็ต้องดำเนินการ
นายสาทิตย์กล่าวว่า การถ่ายทอดสดของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายแกนนำคนเสื้อแดงบนเวทีปราศรัย ซึ่งหากเป็นอย่างเมื่อเดินเมษายน 2552 ที่แกนนำปลุกระดมให้สร้างความรุนแรง ก็ต้องดำเนินการโดยรัฐบาลมีขั้นตอนที่จะจัดการอยู่แล้ว
