“ชุมพล” เปิดเผยตัวตน ยอมรับไม่มีใจที่จะร่วมงานกับ ปชป. แต่จำใจเปลี่ยนขั้วหนุน “อภิสิทธิ์” เพราะถูกคนที่อยู่เบื้องหลังจัดตั้งรัฐบาลบีบ อ้างบ้านเมืองวุ่นวายเพราะ “สนธิ-นช.แม้ว” ขัดแย้งกัน จนเกิดการปฏิวัติทำปัญหาบานปลาย อำมาตย์ 7 คนเป็นผู้มีบารมีคอยถือหาง ทำองค์กรอิสระเป็นองค์กรของขุนนาง ชี้ถ้าไม่หยุดเลือกขัางสงครามไม่จบ พร้อมจี้แก้ รธน.ฉบับ คมช. บอกถ้ารัฐบาลอยากอยู่ถึงสิ้นปีต้องให้ “เสธ.หนั่น” ประสาน ส่วนปีหน้าค่อยว่ากัน
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ระหว่างเป็นประธานประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ครั้งที่ 1/2553 วานนี้ (5 มี.ค.) ถึงทิศทางและแนวทางการดำเนินงานของพรรคชาติไทยพัฒนาว่า การเมืองขณะนี้เป็นผลมาจากก่อนการปฏิวัติ ซึ่งยังไม่ยอมจบสิ้น เป็นเรื่องของคนสองคนที่เคยกอดคอกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่มาขัดกันภายหลังแล้วเอาประชาชนและประเทศชาติมาเป็นตัวประกัน ตนเคยเสนอไปหลายครั้งแล้วให้จับสองคนนี้เข้าคุกแล้วให้ไปต่อยกันเอง แต่ก็ทำไม่ได้
นายชุมพลกล่าวว่า การเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่เป็นพรรคชาติไทย และมาถึงพรรคชาติไทยพัฒนาก็ถูกตำหนิมาตลอด ที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก็ถูกครหาจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองว่าเราร่วมกับเสื้อแดง ตนถามว่าถ้าไปร่วมกับเสื้อเหลืองเกินแค่ 9 เสียงก็อยู่กันไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมือง ยุทธการล้างแค้นเข่นฆ่ามันก็ไม่จบ กฎหมายแรงงานมีแต่ไม่นำไปใช้ กลับใช้คำนิยามจากพจนานุกรมตัดสินให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง
นายชุมพลกล่าวว่า พอมาถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สงครามก็ไม่จบ ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามทำทุกอย่างเพื่อจัดการกับระบอบทักษิณไม่ให้ผุดให้เกิด สุดท้ายก็มายุบ 3 พรรคการเมือง พรรคชาติไทยก็มารับเคราะห์กรรมด้วย เพราะต้องการให้มีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ผู้อยู่เบื้องหลังในการตั้งรัฐบาลชุดนี้ก็ออกโรงมโหฬาร ด้วยความจำเป็นพรรคชาติไทยพัฒนาก็ต้องมาร่วมอีกขั้วหนึ่ง จนได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
“วิกฤตการเมืองก็เลยไม่จบ เพราะออกมาถือข้างตลอด อีกข้างหนึ่งอยู่ในกระแสที่ได้เปรียบ แต่อีกข้างหนึ่งไม่ได้เปรียบ แต่มีพลัง หลังวันที่ 26 ก.พ.คนที่เสียเปรียบพลังก็ยังอยู่ และวันที่ 12-14 มี.ค.จะมีม็อบอีกก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร แต่ผมเชื่อว่าจะเอามาเป็นแสนคัน ล้านคน ก็เป็นแค่จำนวน พฤติกรรมที่ออกมาจากคนแสนคน ล้านคนมันจะแรงเหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อ เพียงแต่ต้องการแสดงพลังออกมาให้เห็นว่ามีพลังเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต้องระวัง ตราบใดคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ยังถือข้างเมื่อไหร่ วิกฤตก็จะไม่มีที่สิ้นสุด”
นายชุมพลกล่าวว่า ปัญหาใหญ่อยู่ที่รัฐธรรมนูญฉบับ คมช. ดังนั้น ถ้าไม่แก้ไขวิกฤตก็ไม่มีทางสิ้นสุดได้ ถ้าไม่มีใครลงมาไกล่เกลี่ยเรื่องรัฐธรรมนูญก็ไม่มีทางจบ เพราะคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยังคงอยู่ ถามว่าพรรคชาติไทยทำอะไรผิด ไปยุบทำไม ซึ่งเป็นความไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง กลายเป็นเครื่องมือให้คนไปเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน มาตรา 238 ต้องแก้ ตนเชื่อว่าชื่อของพรรคชาติไทยต้องคืนกลับมาในอนาคต ตนเป็นคนที่เรียกร้องอยากให้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ฟื้นคืนชีพกลับมา เป็นคนพูดแล้วมีคนฟัง คำพูดศักดิ์สิทธิ์ วิกฤตจบลงได้ จึงต้องการคนอย่างท่านมาแก้วิกฤต วันนี้ตนก็ยังมองไม่เห็นใคร เคยมองนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ค่อนข้างอยู่ในอดีตเกิน หรือจะให้มือประสานสิบทิศอย่าง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย ดีไม่ดีท่านอาจจะเป็นท้าวมาลีวราช ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของพรรคเรา
นายชุมพลกล่าวว่า คนที่เชี่ยวชาญทางการเมืองขณะนี้อยู่นอกสภา เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้ผิดอะไร เขาต้องไปนอกสภา ความไม่ถูก ไม่เป็นธรรม ไม่แยกน้ำ แยกปลา ความชั่ว ความดี แล้วจะแก้วิกฤตประเทศชาติได้อย่างไร ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างได้แต่บนบานเจ้าพ่อสุพรรณ และเจ้าพ่อชาละวัน อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับ คมช. เป็นฝีมือของคณะปฏิวัติทั้งหมด ส.ส.ร.ส่วนใหญ่ก็เป็นอมาตยธิปไตยและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอาคู่กรณีของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จาก สนช.มาเป็นประธานยกร่างมุ่งเข่นฆ่า ล้างแค้นคนคนเดียว พรรคพวกเดียว ทำให้คน 65 ล้านคนต้องรับกรรมไปด้วย
“คนที่เคยกอดคอกันแต่มาแตกคอกัน เอาประชาชนประเทศชาติเป็นสนามรบ ผู้มีอำนาจไม่เลิกถือข้างยุติไม่ได้ วุฒิสภาเป็นปลาสองน้ำ อำมาตย์ 7 คนเป็นผู้มีบารมีเหนือวุฒิสภา อำนาจอธิปไตยของประชาชนอยู่มือขององค์กรอิสระ องค์กรอิสระไม่ใช่องค์อิสระ แต่เป็นองค์กรของขุนนาง การเมืองอ่อนแอ พัฒนาต่อไปไม่ได้ ถามว่าอนาคตจะปฎิวัติหรือยุบสภา รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานขนาดไหน ถ้ามีมือประสานอย่าง พล.ต.สนั่นอยู่ได้ถึงสิ้นปีแน่นอน ยุบสภา ปฏิวัติก็ไม่มี อยู่ได้ถึงสิ้นปี และลากยาวไปถึงปีหน้าว่ากันใหม่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจคงส่งผลต่อวิกฤตที่เป็นอยู่ไม่มากมายอะไร”
นายชุมพลให้สัมภาษณ์ขยายความที่ระบุว่าปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นเกิดจากความขัดแย้งขอคน 2 คนว่า ตนหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อถามต่อว่าบอกได้หรือไม่ว่า ผู้ที่มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังนั้นหมายถึงใคร นายชุมพลกล่าวว่า คำพูดของตนชัดเจนแล้วที่ระบุว่า เป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด เมื่อถามต่อว่าท่านออกมาพูดอย่างนี้ไม่กลัวหรือ นายชุมพลกล่าวว่า สิ่งที่พูดไปเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ คนคนนี้ไม่เคยกลัว และสิ่งที่พูดถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง สังคมไทยต้องไม่เลี่ยงความเป็นจริง ต้องพูดความจริงกันบ้าง ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดทำให้จังงังกันอยู่อย่างนี้