xs
xsm
sm
md
lg

“ มาร์ค” เร่งปฏิรูปการศึกษามุ่งเน้นเรียนรู้ตลอดชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง(กนป.) ครั้งที่ 2/2553 ชี้จุดบกพร่องการศึกษาไทยไม่พัฒนาคน เผยกำหนดเป้าหมายชัดเจน เตรียมจัดสมัชชาปฏิรูปการศึกษา 6-7 ก.พ.นี้ ฝันสังคมไทยหลังปฏิรูปคนรู้เท่าทัน- มีคุณธรรม

วันนี้(3 มี.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.05น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (กนป.) ครั้งที่ 2/2553 และได้แถลงภายหลังการประชุมว่า ในวันที่ 6-7 ก.พ.2553 นี้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีการจัด สมัชชาปฏิรูปการศึกษาซึ่งถือว่า เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 โดยภายในงานจะมีการเสวนาเชิงวิชาการและนิทรรศการ ซึ่งมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนในทุกมิติการศึกษา ทั้งนี้ถือว่างานเรื่องปฏิรูปการศึกษามีความสำคัญมาก รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษและเร่งขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่รูปธรรมอย่างเร็วที่สุด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ได้กำหนดเป้าหมายหรือเป้าประสงค์ต่างๆ ไว้ โดยมีการกำหนดตัวบ่งชี้ทางเชิงปริมาณและคุณภาพซึ่งถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาแม้มีการปฏิรูปสำเร็จในหลายๆ เรื่องแต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย เพราะการประเมินยังขาดการอ้างอิงด้วยตัวบ่งชี้ต่างๆ ดังนั้นในการประชุมครั้งนี้รัฐบาลและคณะกรรมการจึงได้กำหนดเป้าประสงค์ไว้อย่างชัดเจน ครอบคลุมทั้งในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียนรู้ โอกาสและคุณภาพ ตัวบ่งชี้แรก บางตัวเลขก็จะเป็นตัวเลขที่ยังอิงอยู่กับแผนการศึกษา เช่น อัตราการเรียนต่อ การบรรลุเป้าหมายเรื่องจำนวนที่คนของเราได้รับการศึกษา แต่บางเรื่องก็ยังลึกลงไปถึงเรื่องของคุณภาพ เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา หรือคุณธรรมจริยธรรม โดยที่ประชุมได้เห็นชอบว่าให้เอาตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับปรากฎการณ์ในสังคมมาประเมินด้วย เรื่องคุณธรรมจริยธรรม ควรจะดูปัญหาของเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม หรือการทำผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตัวบ่งชี้ที่สองคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับครูอาจารย์ ซึ่งไม่เพียงแต่มีเป้าหมายในเชิงปริมาณ ซึ่งก็คือการทดแทนอัตราการเกษียณที่เกิดขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า หากแต่ต้องพูดถึงครูที่เป็นครูเพื่อศิษย์ หรือครูที่เป็นยุคใหม่อย่างแท้จริง รวมทั้งเรื่องของเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เวลาของครู ที่ต้องมุ่งทุ่มเทเรื่องการเรียนการสอนในห้องเรียน และผ่านกระบวนการกิจกรรมด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบุคลากรครูด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับตัวบ่งชี้ที่สามนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมที่จะเอื้อต่อการเรียนรู้ในสังคมทั้งหมด อาทิ แหล่งเรียนรู้ต่างๆ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การส่งเสริมการอ่าน โดยทั้งหมดนี้จะสอดคล้องกับเป้าหมายหลักในการปฏิรูปการศึกษาที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนไทยทุกคนสำหรับตัวบ่งชี้สุดท้ายคือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการด้านการศึกษา ซึ่งมีตั้งแต่สัดส่วนระหว่างรัฐกับเอกชน ปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็ก การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งนี้จะนำตัวบ่งชี้ต่างๆ ไปปรับปรุงการเฝ้าสังเกตของคณะกรรมการ และนำมาเสนอ โดยจะทำให้สามารถเจาะลึกลงไปในรายละเอียดในแต่ละด้านได้อีก

เมื่อถามว่า เหตุใดจึงต้องนำเรื่องปรากฏการณ์ทางสังคมเข้ามาพิจารณาด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเราไม่ทำเรื่องของการศึกษากับเรื่องของสังคมเป็นเรื่องเดียวกันก็จะล้มเหลว ยกตัวอย่างว่า ที่ผ่านมาเราเน้นเสมอว่าอยากให้เด็กเป็นคนดีมีจริยธรรมคุณธรรม แต่ในอดีตเราไม่มีตัวเลขที่ใช้ในการประเมินที่ให้คำตอบสุดท้าย เช่น เราใช้เพียงตัวเลขการจัดกิจกรรมจริยธรรมคุณธรรมในโรงเรียน แต่เราไม่ได้ใช้ตัวเลขของเด็กตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร หรือเด็กติดยาเสพติด

“ จะเห็นได้ว่า ระบบการศึกษาของไทย ยังไม่ตอบโจทย์ในเรื่องการพัฒนาคน ฉะนั้นการเชื่อมโยงตรงนี้ ผมคิดว่าเป็นมิติที่สำคัญในการปฏิรูปเรื่องนี้ ที่เราต้องการผลลัพธ์ชัดเจน และต้องกลมกลืนกับการใช้ชีวิตของคนในสังคม”นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะแปลงสิ่งที่แถลงทั้งหมดนี้ให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวเลขจะเป็นตัวบอกส่วนหนึ่ง แต่เราก็ไม่สามารถวัดทุกอย่างเป็นตัวเลขได้ อย่างไรก็ตามเราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และตัวเลขถือเป็นโจทย์ที่เราต้องตอบ

“เรื่องของความสัมฤทธิผล เราจะพบความจริงว่าปัจจุบันนี้โดยเฉลี่ย เด็กสอบผ่านอยู่วิชาเดียวคือภาษาไทย แต่วิทยาศาสตร์ สังคม คณิตศาสตร์ กลับไม่ได้ แต่เมื่อเราปฏิรูปเราจะบอกเลยว่าสิ้นสุดปี 61 ตัวเลขนี้ต้องขึ้นมา จากร้อยละ 30 กว่าเป็น ร้อยละ 50 เราพยายามทำทุกอย่างให้รับได้และเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด”นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามถึงความชัดเจนในเรื่องการตั้งกองทุนของกระทรวงศึกษาธิการที่จะมีลักษณะคล้าย สสส. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการประชุมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง และคาดว่าจะได้รูปแบบที่จะนำเสนอมา โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการและตัวเองก็กำลังติดตามอยู่
“ ความมุ่งหมายคือ 1.องค์กรนี้จะเป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนสามารถทำงานเชิงนโยบายได้ งบประมาณจะถูกใช้ในภาคประชาชน 2.มีรายได้ที่แน่นอนตามสมควร 3.รูปแบบการบริหารจัดการในตัวสำนักงานจะไม่เป็นแบบราชการ ซึ่งจะทำให้มีความคล่องตัว”นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ปี2561 ภายหลังปฏิรูปการศึกษาแล้วจะนำสังคมไปสู่อะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราหวังเห็นคุณภาพของคนในสังคม โดยจะวัดจากเรื่องต่างๆ อาทิ ความรู้ความเท่าทันสถานการณ์ มาตรฐานคุณธรรมจริยธรรม ความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม การดำรงรักษาความเป็นไทย และความเป็นสากลในโลกปัจจุบัน ทั้งนี้ทุกอย่างจะมีมาตรฐานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน



กำลังโหลดความคิดเห็น