ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบประมาณ 51 ล้านให้ สปน.สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย พร้อมต่ออายุสัญญาเงินกู้ ร.ฟ.ท.800 ล้านบาท อีก 1 ปี เห็นชอบกรอบ ก.พ.ให้ผู้ว่าฯ มีอำนาจเลื่อนเงินเดือน อนุมัติ 20 ล้านพัฒนาสื่อปลอดภัย-สร้างสรรค์แห่งชาติ ครม.อนุมัติในหลักการ 372 ล้านดูแลอยุธยาไม่ให้ถูกถอดจากมรดกโลก ไฟเขียวช่วยเหยื่อชิลี 1 แสนยูเอส พร้อมประสานช่วย 60 คนไทยเต็มที่ และเซ็นตั้งผู้บริหารอีกหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน
วันนี้ (2 มี.ค.) นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 51,100,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวงเงินงบประมาณดังกล่าวแบ่งเป็น 1.โครงการบริการพัฒนาระบบบานข้อมูลเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ด้านนโยบายและการทำงานของรัฐบาลผ่านเว็บไชต์ จำนวน 8.6 ล้านบาท 2.โครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายของรัฐในการสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศ จำนวน 2.5 ล้านบาท 3.โครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณะของประเทศไทย จำนวน 40 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในเอกสารการประชุม ครม.ระบุย้อนไปถึงงบประมาณปี 52 ว่า สำนักนายกฯ ได้ดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยใช้เงินงบประมาณที่ได้รับโอนมาจากกระทรวงต่างประเทศจำนวน 175 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ประกอบด้วย 1.การจัดทำซีดีประมวลเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2552 และที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 ล้านบาท 2.การจัดจ้างทำโครงการฉันรักประเทศไทย จำนวน 24.1 ล้านบาท 3.การจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายของรัฐในการสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศจำนวน 1.5 ล้านบาท
4.การจัดประชุมแซกโซโฟนโลก จำนวน 5 ล้านบาท 5.การจัดจ้างทำโครงการยุทธศาสตร์ประชาสัมพันธ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จำนวน 1,010,000 บาท 6.การจัดจ้างทำโครงการบริการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ด้านนโยบายและการทำงานของรัฐบาลผ่านเว็บไซต์ จำนวน 1.19 ล้านบาท 7.การจัดจ้างทำสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์และป้ายโฆษณา จำนวน 35.59 ล้านบาท 8.การจัดจ้างทำโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่ภาพลักษณ์ประเทศไทยผ่านสื่อในต่างประเทศ จำนวน 69.5 ล้านบาท 9.การจัดจ้างทำสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์และป้ายโฆษณาระยะที่ 2 จำนวน 12.8 ล้านบาท และ 10.การจัดจ้างทำโครงการไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง จำนวน 13.7 ล้านบาท
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาทจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปี โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคม (ร.ฟ.ท.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการด้วย
นายศุภชัยแถลงว่า ครม.เห็นชอบข้อเสนอการกำหนดโควตาการเลื่อนเงินเดือนในส่วนภูมิภาคตามมติ ก.พ.ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 ที่มีมติเห็นชอบในหลักการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการพิจารณาให้หัวหน้าสำนักงานจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งมีผลการปฏิบัติงานในระดับดีเด่น ได้รับการเลื่อนเงินเดือนในโควตาพิเศษ โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับการเลื่อนเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.เสนอ โดยให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
นพ.ภูมินทร์ แถลงอีกว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 20,458,600 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนภารกิจของคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยปรับลดทุนประเดิมการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาสื่อฯ ซึ่งยังไม่มีการตรากฎหมายรองรับและปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของคณะกรรมการและอนุกรรมการให้เป็นไปตามมาตรการประหยัดในการเบิกค่าใช้จ่ายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ตลอดจนปรับลดรายการที่ยังไม่มีความพร้อมและความชัดเจนในการดำเนินงาน โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป
พร้อมระบุว่า ครม.รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/2553 ที่มีการกำหนดกรอบอนุรักษ์มรดกโลกอยุธยาในแนวอนุรักษ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเกณฑ์และบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับให้สอดคล้องกับแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอนุสัญญามรดกโลก การเวนคืนที่ดินที่ทับซ้อนโบราณสถาน รวมทั้งการควบคุมการก่อสร้าง สิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ Core Zone จำนวน 1,810 ไร่ ให้กรมศิลปากรเร่งรัดการประชุมเชิงปฏิบัติการกับทุกภาคส่วน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และนอกจากนี้ยังรับทราบรายชื่อคณะกรรมการบริหารจัดการ กำกับดูแลนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ให้ประกอบด้วยที่ปรึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิในส่วนกลางและท้องถิ่น มีผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นประธาน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาชนร่วมเป็นกรรมการ
นพ.ภูมินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบในหลักการตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเสนอ โดยเห็นชอบรายละเอียดการจัดทำคำของบประมาณปี 2554 เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในการคงความเป็นมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานหลัก คือกรมศิลปากร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ขอตั้งงบประมาณรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 372,898,000 บาท
รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณที่จะต้องใช้ในการดำเนินการตามแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1,628.48 ล้านบาท ที่จะขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 เป็นต้นไป นั้น เห็นควรให้กรมศิลปากรพิจารณาทบทวนแผนแม่บทฯ โดยเน้นกิจกรรมที่อยู่เฉพาะในพื้นที่ชั้นใน (Core Zone) ของมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องอนุรักษ์และพัฒนา และคำนึงถึงการร่วมกันระหว่างส่วนราชการชุมชน และประชาชน กับมรดกโลก รวมทั้งปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการและกิจกรรมการจัดงานน้อมรำลึก 100 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวาระแห่งชาติ และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานน้อมรำลึก 100 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ซึ่งสาระสาระสำคัญของเรื่องนั้นกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) รายงานว่า เนื่องในวันที่ 23 ตุลาคม 2553 เป็นวาระครบ 100 ปี แห่ง วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ วธ.ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่องานด้านศิลปวัฒนธรรมและการศาสนา จึงเห็นควรจัดทำโครงการและกิจกรรมการจัดงานน้อมรำลึก 100 ปี วันสวรรคตฯ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเชิญชวนหน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนเข้าร่วมโครงการและจัดกิจกรรมอย่างกว้างขวางพร้อมเพรียงกันทั่วทั้งประเทศและได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานน้อมรำลึก 100 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นพ.ภูมินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ดำเนินการนั้นจะจัดงานทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค โดยใช้งบประมาณจากส่วนราชการ, งบสนับสนุนจากภาคเอกชน และงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นภายในวงเงิน 32 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 30,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการ Asean TV ระยะก่อตั้ง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลในหน่วยงานต่างๆ หลายตำแหน่ง ดังนี้
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้ 1.นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2552 2.นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ รองอธิบดีกรมสรรพากร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แต่งตั้ง น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ แทนกรรมการที่ลาออก จำนวน 2 คน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ 1.ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิรงรอง รามสูต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิเทศศาสตร์ 2.นายรอม หิรัญพฤกษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการชุดเดิม จำนวน 9 คน ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งมาจะครบกำหนดวาระสามปีในวันที่ 1 มีนาคม 2553 ให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกวาระหนึ่ง ดังนี้ 1.นายกิตติศักดิ์ ปรกติ 2.นายขวัญชัย วศวงศ์ 3.นายครรชิต มาลัยวงศ์ 4.นายชูชัย ศุภวงศ์ 5. นายทศพร ศิริสัมพันธ์ 6.นายเธียรชัย ณ นคร 7.นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ 8.นางจุรี วิจิตรวาทการ 9.นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป เพื่อให้ผู้ได้รับแต่งตั้งลาออกจากตำแหน่งอื่นๆ ที่เป็นลักษณะต้องห้ามได้ ดำเนินการให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้ 1.ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 2 มีนาคม 2553 จำนวน 10 คนคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกวาระหนึ่ง 2.เปลี่ยนแปลงการมอบอำนาจการบังคับบัญชาของกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์) เดิม อยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เปลี่ยนเป็น อยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ โดยให้เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ เสนอ
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ แต่งตั้ง นางจินดา สังข์ศรีอินทร์ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) เป็นกรรมการ แทน นายศุภชัย จงศิริ ที่ขอลาออก และแต่งตั้งนายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท เป็นกรรมการ แทน น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้ย้ายนายไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ ผู้ตรวจราชการกระทรวง (บริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี (บริหารระดับสูง) กรมหม่อมไหม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเพิ่มเติมกรรมการในคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงการคลัง และรองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้าน รายจ่ายและหนี้สิน ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ (2) มีมติให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศชิลี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยอนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวน 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวได้ในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้การช่วยเหลือดังกล่าวถือเป็นการแสดงถึงมนุษยธรรมและเป็นการแสดงน้ำใจไมตรี นอกจากนั้นรัฐบาลจะประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าประเทศชิลีต้องการความช่วยเหลือด้านใดอีกบ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สามารถติดต่อคนไทยที่อยู่ในประเทศชิลีทั้ง 60 คนได้แล้วโดยทุกคนปลอดภัยดี โดยในจำนวนนี้มีนักเรียนแลกเปลี่ยน 15 คน