“วิทยา” ยันวิปรัฐไม่ขัดข้อง ส.ส.ประชาธิปัตย์ล่าชื่อขับ “อภิวันท์” พ้นรองประธานสภาฯ ชี้ไปแถลงขอซักฟอกรัฐทำไม่เหมาะสมหน้าที่ ส่อไม่เป็นกลาง แต่ยังไม่ชัวร์ ทำได้หรือไม่ กำชับทุกพรรคเตือนพวกชอบโดดประชุมให้มาโหวตกฏหมายพรุ่งนี้ ป้องกันสภาฯล่ม
วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะล่ารายชื่อถอดถอนพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ว่า ตนคิดว่ามีพฤติกรรมหลายอย่างที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกรณีไปแถลงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไปนั่งเตรียมการให้พรรคการเมือง และที่ท่านออกมาแถลงนั้นตนคิดว่าท่านไม่มีสิทธิ์นั่งทำหน้าที่ประธานหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่ได้สะท้อนความเป็นกลางในการทำหน้าที่
ขณะที่วิปรัฐจะสนับสนุนพรรคในการลงชื่อหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ไม่ขัดข้องสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ใช่เป็นการไฟเขียว เพราะเป็นสิทธิ ส.ส. เมื่อเห็นคนที่เป็นประมุขของตนกระทำไม่เหมาะสม ส่วนกระบวนการทางกฎหมายตนไม่แน่ใจว่าการถอดถอนประธานสภาจะทำได้หรือไม่ ใครที่คิดต้องไปหากระบวนการให้จบ
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวด้วยว่า วิปรัฐบาลได้มีการพิจารณาระเบียบวาระต่างๆ ที่จะเข้าสู่ในการพิจารณาในวันพุธ-พฤหัสบดี ซึ่งในวันพุธจะมีการพิจารณา 2 ฉบับ คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน เป็นร่างของกระทรวงแรงงานเพื่อจัดลำดับความสำคัญกับคนงานที่รับงานไปทำที่ บ้านเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ และมีข้อที่แก้ไขในหลายประการ เข้าใจว่าการอภิปรายของเพื่อนสมาชิกอาจใช้เวลานานพอสมควร นอกจากนี้ยังมี 2.ร่าง พ.ร.บ.สภาเกษตรกรแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วและจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 3 มี.ค.นี้ เมื่อสามารถผ่านสภาผู้แทนได้ก็จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถนำมาใช้ในกฎหมายได้
นายวิทยากล่าวอีกว่า วิปยังได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอขึ้นมาใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเสนอต่อสภา 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นการร่างขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีข้อสังเกตจากวิปรัฐบาลส่งไปยังคณะยกร่างกฎหมาย รวมทั้งข้อสังเกตจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อสังเกตจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนนำไปปรับปรุงร่าง เพราะการออกกฎหมายฉบับนี้จะทำให้เราสามารถสร้างองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนคือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นองค์กรที่มีเขี้ยวเล็บขึ้นมาทันที เทียบเคียงกับองค์กร ป.ป.ช. หรือองค์กรอื่น มีอำนาจในการตรวจค้นจับกุมรวมถึงฟ้องคดีเองขึ้นมา ฉะนั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการสร้างองค์กรที่มีกำลังมากขนาด วิปรัฐบาลจึงมอบให้ไปปรับปรุงร่างเพื่อให้รัดกุมในการคุ้มครองสิทธิของ ประชาชน
นายวิทยากล่าวว่า นอกจากนี้หลังพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมายทั้งหมดเสร็จแล้ววิปรัฐบาลก็ได้เตรียมความพร้อม เนื่องจากในวันที่ 3 มี.ค.นี้ในสภาจะมีการโหวต ในวาระ 2-3 เกือบทุกครึ่งชั่วโมง ก็เตรียมความพร้อมในทุกพรรคการเมืองเพื่อไปเตือนสมาชิกที่ มักขาดประชุม หรือเข้าประชุมไม่ทัน เพราะสัปดาห์ที่แล้วกรณีสภาล่มได้สรุปให้ทุกพรรคได้ทราบว่าช่วงการลงมติดัง กล่าวมีพรรคไหนขาดบ้าง เพื่อให้ไปแจ้งในแต่ละพรรคเพื่อหามาตรการป้องกัน
นายวิทยากล่าวอีกว่า ในการประชุมในวันพฤหัสบดีที่แล้ว หลังจากวิปได้ขอความร่วมมือไปยังนายกรัฐมนตรี ปรากกฎว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา เนื่องจากมีรัฐมนตรีทั้งหมดที่เป็น ส.ส.12 คน ไม่อยู่ในห้องประชุม ซึ่งตนได้นำเสนอรายชื่อ 12 ท่านต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อกำชับรัฐมนตรีให้มาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ฉะนั้นสัปดาห์นี้วิปจะส่งรายชื่อมอบให้ทุกพรรคเพื่อมาหามาตรการป้องกันการ ขาดประชุมและเข้าประชุมไม่ทัน เพื่อปรับปรุงและป้องกันสภาล่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรี 12 คนเป็นของทุกพรรคเลยหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า เกือบทุกพรรค เป็นพรรคประชาธิปัตย์พอสมควร
