“มาร์ค” เปรียบไปนรก-สวรรค์ คดียึดทรัพย์ไม่รู้จะอุทธรณ์อะไรอีก ระบุรัฐบาลไม่ได้เป็นคู่กรณีกับทักษิณ แต่เป็นเรื่องของแผ่นดิน ชี้เงินที่ได้ไม่ใช่รัฐส้มหล่น แต่เป็นสมบัติของประชาชน ไม่กล้าตีความ “จิ๋ว” ชี้มีคนอยู่เบื้องหลังคำพิพากษา
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทย ไม่ยอมรับผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ของกระบวนการตุลาการว่า เป็นเรื่องยากที่จะให้คนพอใจคำตัดสิน คำพิพากษา ซึ่งตนอยากจะบอกว่าทุกคนต้องตั้งสติ ถ้าเราไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม เราจะไม่มีจุดจบ และกระบวนการยุติธรรมตนคิดว่าถ้ามีปัญหาจริง เช่น ไปพบว่าผู้พิพากษาหรือใครที่มีส่วนได้เสีย ก็มีกระบวนการที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว
“ผมยังมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ่งบอก ถึงการใช้อำนาจของตุลาการในครั้งนี้มีความผิดปกติ การแจกแจงเหตุผลต่างๆ ก็ละเอียด การตัดสินก็ไม่ได้สุดโต้งไม่ทางหนึ่งทางใด ฉะนั้นผมยังมองไม่เห็นตรงนี้ ถ้าเราไม่ยอมรับก็จะไม่มีจุดที่จะยอมรับ ขนาดบอกไปนรก สวรรค์ ความจริงถ้าไปนรก หรือสวรรค์แล้ว ถือว่าตัดสินสุดท้ายก็ไม่รู้จะอุทธรณ์อะไรอีก” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าจุดคิดว่าปัญหาจะจบได้อย่างไร ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับผลตัดสิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าในที่สุดแล้ว ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการที่จะรักษาระบบและเคารพกติกาต่างๆ และมีความหนักแน่น สุดท้ายตนคิดว่าทุกคนก็จะยอมรับ และคนไม่ยอมรับจะมีปัญหากับตัวเองมากขึ้น
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายกฯ ยืนยันมาตลอดว่าประเทศจะผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว รัฐบาลจะผ่านจุดนี้ไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศสำคัญที่สุดแต่ตนก็มั่นใจ เพราะอย่างที่จับความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าด้วยความสงบ และความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อยากให้มั่นใจว่าเราจะผ่านไปได้ ถ้าเราผ่านไปได้สังคมก็จะมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น รัฐบาลเป็นส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้นเอง ความเป็นธรรมที่เราต้องให้ต้องให้กับทุกคน ไม่ใช่ใครที่โวยวายเสียงดังกว่าหรือจะมาข่มขู่ได้
เมื่อถามอีกว่า อีกฝ่ายพยายามเผยแพร่คำพิพากษาสู่ประชาชนในเชิงที่ว่า ไม่เป็นธรรมกับเขามันจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงแล้วในส่วนของสื่อมวลชน ตนก็ขอขอบคุณที่เผยแพร่คำพิพากษาอย่างละเอียด อย่างที่ตนได้ย้ำแล้วว่า ถ้าทุกคนช่วยกันเอาคำพิพากษามาเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ ก็จะเห็นถึงเหตุผลของมัน ดังนั้น เรื่องทั้งหมดก็จะมีความเข้าใจรัฐบาลก็จะมีความสะดวก ในการที่จะเผยแพร่คำพิพากษาและเหตุผลต่างๆ ซึ่งก็มีบ้าง ที่พยายามทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แต่ตนเห็นคนที่มากล่าวหาตนก็เห็นได้ชัดว่า ได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนซึ่งเราไม่สามารถไปบังคับให้คนมารับข้อมูลชุดไหนได้ แต่คิดว่าถ้าคนส่วนใหญ่อยู่กับเหตุและผลไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ขอให้อยู่กับการใช้สิทธิเสรีภาพในขอบเขตของกฎหมาย ก็ไม่เป็นปัญหา
ต่อข้อถามว่า สถานการณ์หลังจากนี้จะยากลำบากกว่า ช่วงเหตุการณ์เดือนเม.ย.2552หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดในลักษณะนั้น แต่ปัญหาจะเปลี่ยนแปลงในรูปแบบและพัฒนาการของมัน เรามีหน้าที่แก้ไขก็มั่นใจว่า แนวทางที่ทำอยู่เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เราก็จะทำเต็มที่และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ก็ยังออกมาประกาศ ไม่ยอมรับผลการตัดสินคดีพร้อมระบุว่า มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ต้องไปถามท่าน” เมื่อถามอีกว่า การที่นายกฯให้อัยการ เข้าไปดูแลคดีที่ต่อเนื่องจากคำพิพากษา ไม่เกรงว่าจะถูกครหาไปไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ เกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีเรื่องไล่ล่าทั้งสิ้นเป็นเรื่องที่ตนให้ฝ่ายประจำไปดู รัฐบาลไม่ใช่คู่กรณีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คนที่เป็นคู่กรณีกับ พ.ต.ท.ทักษิณคือแผ่นดิน รัฐบาลมีหน้าที่รักษาประโยชน์ของแผ่นดินเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้ได้เงินของ พ.ต.ท.ทักษิณมาเหมือนได้ส้มหล่น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่เงินรัฐบาล แต่เป็นเงินของประชาชน ส่วนเรื่องเงินที่จะยึดคืนนั้นก็อยู่ในบัญชีที่ศาลอายัดไว้แต่แรกแล้ว เงินจะไม่ไปไหนแต่การบริหารจัดการตรงนี้ต้องไปดูตามความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายในสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มกำลังทหารมาช่วยรักษาความปลอดภัย และภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ได้เดินไปพักผ่อนกับครอบครัวโดยใช้รถตู้ปิดกั้นขบวนรถผู้สื่อข่าว