“เฉลิม” มาแล้ว!! โต้ “อภิวันท์” ยันยังนำซักฟอก แต่หากเสนอชื่อคนนอกเพื่อไทยเป็นนายกฯ ก็ไม่ร่วมด้วย แนะโหวตในพรรคก่อน คาดฟังไม่ได้ศัพท์ ย้ำ ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นด้วย กราบขอโทษ “ตู่ ผู้ยิ่งใหญ่” หลังหยันนำม็อบเป็นล้านไม่ได้ ยันไม่คิดอำมาตย์สั่งศาลได้ เชื่อตุลาการอธิบายสังคมในการตัดสินได้
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้ถอนตัวอย่างที่ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ระบุ เพียงแต่ตนยืนยันในหลักการเดิมคือให้เสนอชื่อบุคคลในพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีแนบไปกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากมีการเสนอชื่อจากคนนอกพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีตนจะไม่ร่วมอภิปรายด้วย โดยตนขอเสนอให้โหวตเลือกกันในพรรคด้วยการลงคะแนนลับ ใครได้ลำดับที่ 1 ก็ให้ใส่ชื่อแนบไปในญัตติ ซึ่งหากผลที่ออกมาแม้ว่าตนจะไม่ได้ลำดับที่ 1 ก็จะร่วมอภิปรายด้วยตามปกติ ทั้งนี้ 2 วันที่ผ่านมา มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 คนหนึ่งและ พ.อ.อภิวันท์ ได้ไปหารือกับตนที่บ้านตั้งแต่เวลา 18.00 น.จนถึงเวลา 23.00 น. ตนก็อธิบายว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมพรรคจนกว่าจะมีความชัดเจนเพราะไม่อยากให้ เกิดความขัดแย้งมากกว่านี้ พ.อ.อภิวันท์ อาจจะฟังเพียงบางตอนเลยไม่ประติดประต่อ เลยออกมาให้สัมภาษณ์อย่างนี้ ส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับหลักการของตนที่ย้ำไปหลายครั้งแล้ว
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. ออกมาระบุว่า ให้วางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ภายหลังให้สัมภาษณ์ว่าคนเสื้อแดงไม่สามารถนำรถกระบะจำนวน 1 แสนคันมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มี.ค.ว่า การดำเนินการของคนเสื้อแดงตนไม่เคยไปเกี่ยวข้องไปสนับสนุน หรือไปคัดค้าน แต่ก็ติดตามดู ดังนั้น สิ่งที่ตนให้ความเห็นไปหากนายจตุพรรู้สึกไม่สบายใจ ตนก็ต้องกราบขอโทษนายจตุพรและคนเสื้อแดงด้วย ขอให้มีสมาธิเถอะ เพราะสิ่งที่ตนพูดไปนั้นไม่ได้มีนัยอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น สำหรับการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 ก.พ.นั้น ตนคิดไม่เหมือนคนอื่น เชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม ไม่มีอะไรรุนแรง ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นตกใจ ส่วนที่หลายคนมองว่าอำมาตย์จะสั่งศาลได้ ตนไม่คิดเช่นนั้น เพราะตุลาการแต่ละท่านเป็นครูบาอาจารย์ ตัดสินอย่างไรออกมา ก็จะมีความเห็นส่วนตัว อธิบายได้ ตนไม่เข้าใจคำว่าอำมาตย์ถ่องแท้ว่ามีนัยแค่ไหน ตนเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย คิดเพียงการล้มรัฐบาลในสภา