xs
xsm
sm
md
lg

จีที 200 เงื่อนไขใหม่ที่ “อนุพงษ์” ต้องรับผิดชอบ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดังนั้นสิ่งที่เรียกร้องก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชากองทัพบกจะต้องสั่งยกเลิกการใช้เครื่องจีที 200 ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารและประชาชนในพื้นที่ได้รับอันตรายและได้รับความเสียหายในทรัพย์สิน ขณะเดียวกันยังต้องเปิดทางให้มีการตรวจสอบที่มาในการสั่งซื้อว่าดำเนินการโดยชอบหรือไม่ เพราะหากยังไม่ดำเนินการโดยเร็วถือว่ามีเจตนา “ซ่อนเร้น” บางอย่าง


ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดและสารเสพติด จีที 200 ที่แม้แต่ประเทศอังกฤษซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเครื่องมือดังกล่าวได้สั่งกองทัพห้ามใช้ไปตั้งนานแล้ว เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่าไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐก็มีคำสั่งในลักษณะเดียวกันพร้อมทั้งแจ้งเตือนไปทั่วโลก ขณะที่กองทัพไทยยังคงดึงดันที่จะใช้ต่อไป โดยอ้างเพียง “ความเชื่อ” ว่าเป็นเครื่องมือที่ยังใช้ได้ผล และยังไม่มีคำสั่งให้ระงับการใช้แต่อย่างใด


ที่ผ่านมาคณะกรรมการของกระทรวงวิทยาศาสตร์ที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากคณะรัฐมนตรีมีการทดสอบเครื่องมือ จีที 200 พบว่าการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรือถ้าเรียกเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ “ห่วยแตก” และ “แหกตา” ชาวบ้านมานาน ทำให้ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งห้ามใช้ในพื้นที่และห้ามสั่งซื้อเพิ่มรวมไปถึงให้ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ที่ยังใช้เครื่องมือชนิดนี้อยู่

อย่างไรก็ดี น่าแปลกใจก็คือ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้นำคณะนายทหารระดับสูงใช้สถานีโทรทัศน์ช่องทหารคือช่อง 5 ที่ก่อนหน้านี้มักจะอ้างว่าไม่สามารถใช้เวลาได้ เนื่องจากให้เอกชนเช่าเวลาไปแล้ว ออกมานั่งแถลงข่าวนั่งเรียงกันเป็นแผงราวกับเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจ ยืนกรานสวนทางหน้าตาเฉยว่า “เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ” และจำเป็นต้องใช้ต่อไปเพราะเจ้าหน้าที่ “มีความเชื่อ” ว่าใช้ได้ผล

ทำให้หลายคนแปลกใจไม่น้อยว่าเมื่อตัวเองยังมั่นใจในประสิทธิภาพของเครื่องมือดังกล่าวแล้วทำไมไม่เรียกร้องให้มีการพิสูจน์กันอีกครั้ง หรืออาจจะให้หน่วยงานใหม่เข้ามาตรวจสอบ แต่นี่กลายเป็นว่าตัวเองและเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชา “มีความเชื่อ” เท่านั้นจึงจำเป็นต้องใช้ต่อไป

แต่จากข่าวร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาว่าได้เกิดเหตุการณืลอบวางระเบิดในตลาดนัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บสองนาย ทั้งที่ตามรายงานข่าวระบุว่าก่อนเกิดระเบิดได้มีการใช้เครื่อง จีที 200 เข้าไปตรวจสอบแล้วและยืนยันว่าไม่พบระเบิด แต่คล้อยหลังเจ้าหน้าที่ไปไม่นานก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรลจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ไม่รวมทรัพย์สินของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายบางส่วน แม้ว่า พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบกจะออกมาปฏิเสธว่าการระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการตรวจสอบก็ตาม

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมก็คือ ข้อมูลจากเลขาธิการศูนย์ทนายความมุสลิม สิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ ที่มีสำนักงานอยู่ที่ อ.เมือง ยะลา ระบุว่าผลจากการใช้เครื่องมือที่ไร้ประสิทธิภาพได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับบุคคลในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพกับประชาชน และอ้างว่าตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมาจนถึงปี 2552 มีการใช้เครื่องจีที 200 ในการตรวจค้นจับกุมอย่างขนานใหญ่ โดยเฉพาะในปี 2552 มีการร้องเรียนจากครอบครัวและญาติของผู้ต้องหาที่ได้รับผลกระทบจากการใช้เครื่องมือดังกล่าวไม่น้อยกว่า 500 คดีและเมื่อนำคดีขึ้นไปถึงศาลก็มีการยกฟ้องถึงเกือบร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วมีการยกฟ้องแค่ร้อยละ 3 เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการหาพยานหลักฐานมียืนยันพิสูจน์

การร้องเรียนระบุว่ามีการควบคุมตัวผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง สูญเสียอิสรภาพ ทำให้ได้รับความทุกข์ทั้งกายและใจ และอ้างว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังใช้เครื่องมือ จีที 200 กับบุคคลทั้งที่ลับและที่แจ้ง

แม้ว่าเป็นเพียงข้อมูลเพียงด้านเดียวที่ยังไม่มีการตรวจสอบรอบด้านจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างน้อยก็เป็นแง่มุมที่ชี้ให้เห็นว่าการทำงานของเครื่องมือที่กล่าวถึงนั้นได้สร้างผลกระทบให้กับทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งในเรื่องความไม่ปลอดภัยและทำให้ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต้องสูญเสียอิสรภาพ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ภาพสะท้อนได้อีกมุมหนึ่ง แม้ว่าที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าการก่อเหตุลอบวางระเบิดและการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปี 2547-49 แต่ก็ต้องถือว่ายังคงมีอยู่และมีความรุนแรงจนสร้างความเสียหายมีอำนาจทำลายล้างสูง

ขณะเดียวกันยังเป็นการชี้ให้เห็นว่าการใช้เครื่องมือดังกล่าวที่ผู้บัญชาการทหารบก และบรรดานายทหารระดับสูงต่างประสานเสียงเดียวกันว่ามีประสิทธิภาพสูงนั้นได้สร้าง “เงื่อนไข” ให้เกิดความไม่สงบให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปโดยไม่จำเป็น แม้ว่าในระดับนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติเริ่มเดินมาในทิศทางที่ดีบ้างแล้วก็ตาม

แต่สิ่งที่สิ่งทุกฝ่ายต้องการก็คือต้องการ “ขจัด” เงื่อนไขทุกอย่างเท่าที่มีทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ละเอียดอ่อน และมีปัญหากระทบต่อความมั่นคงมาอย่างยืดเยื้อ

สำหรับเครื่องมือเจ้าปัญหาที่นอกจากมีการสั่งซื้อมีราคาแพงจนผิดปกติแล้ว ซึ่งเริ่มมีการสั่งซื้อตั้งแต่ยุค พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผู้บัญชาการทหารบกเมื่อปี 2547 เป็นต้นมา แต่ในยุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีการสั่งซื้อมากที่สุดรวมแล้วใช้งบประมาณเพื่อการนี้ร่วมพันล้านบาท ซึ่งในการตั้งโต๊ะแถลงก่อนหน้านี้ก็ยืนยันแบบเดิมว่าได้ซื้อตามความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชา


หากฟังดูเผินๆ ก็น่าจะโอเค เพราะน้อยครั้งที่ผู้บังคับบัญชาจะพูดในลักษณะดังกล่าว ความหมายก็คือซื้อตามความต้องการของผู้ใช้ ไม่ใช่ตามความต้องการของผู้บังคับบัญชา เหมือนกับหลายกรณีที่เกิดเรื่องอื้อฉาว อย่างไรก็ดี สิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ยังไม่ได้ตอบคำถามให้เคลียร์ก็คือก่อนซื้อได้มีการทดสอบประสิทธิภาพมาแล้วหรือไม่ จะอ้างในทำนองว่าเคยยืมเครื่องมือจากกองทัพอากาศแล้วใช้ได้ผลจึงสั่งซื้อบ้างในลักษณะว่าตามกันมา ฟังแล้วเหมือนกับลากหน่วยงานอื่นลงมาด้วย ซึ่งไม่น่าจะมีเหตุผลสำหรับกรณีการสั่งซื้อเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของผู้ใช้และคนรอบข้าง

ดังนั้นสิ่งที่เรียกร้องก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชากองทัพบกจะต้องสั่งยกเลิกการใช้เครื่องจีที 200 ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารและประชาชนในพื้นที่ได้รับอันตรายและได้รับความเสียหายในทรัพย์สิน ขณะเดียวกันยังต้องเปิดทางให้มีการตรวจสอบที่มาในการสั่งซื้อว่าดำเนินการโดยชอบหรือไม่ เพราะหากยังไม่ดำเนินการโดยเร็วถือว่ามีเจตนา “ซ่อนเร้น” บางอย่าง

รวมทั้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาโดยเฉพาะ “เงื่อนไขใหม่” ที่อาจจะเกิดขึ้นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่แน่ใจว่า พล.อ.อนุพงษ์จะสามารถรับผิดชอบไหวหรือไม่!!


กำลังโหลดความคิดเห็น