โฆษกเพื่อไทย หน้าแฉล้มจวก รบ.ล้มเหลว จับมือบึ้มศาลฎีกาฯหลังตั้งรางวัลนำจับ ปูดแผนสร้างสถานการณ์ หวังโยนบาปให้เสื้อแดง จี้ให้ลาออกรายวัน ไม่กล้าลากคอการทุจริตจีดซื้อจีที 200 เล็งยื่น ป.ป.ช.สอบ มท.ทุจริตจัดซื้ออัลฟา 6 จี้ “มาร์ค” งัดกฎเหล็ก 9 ข้อฟัน “ชวรัตน์”
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. แถลงตั้งรางวัล 2 ล้านบาท สำหรับผู้ชี้เบาะแสคนร้ายในคดียิงระเบิด M-79 เข้าไปภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาลัยเขตพณิชยการพระนคร และคดีลอบวางระเบิดซีโฟร์ภายในรั้วศาลฎีกาว่า เป็นการประจานถึงความไร้ประสิทธิภาพและไร้น้ำยา สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และหน่วยงานความมั่นคงที่จะควบคุมดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบ คดีดังกล่าวตำรวจออกมายอมรับว่าไม่คืบหน้าเพราะไม่ธรรมดา จับตัวยาก สุดท้ายก็คงจับมือใครดมไม่ได้ เพราะน่าจะเกี่ยวข้องคนมีสีที่ใกล้ชิดรัฐบาล ทั้งนี้ ตนได้รับแจ้งข่าวจากเจ้าหน้าที่ผู้หวังดีว่า อาจจะมีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นอีกหลายจุด จากกลุ่มคนมีสีที่ใกล้ชิดรัฐบาลในช่วง 5 วันอันตรายก่อนหรือหลังคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิดให้แก่ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลรวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดง มุ่งหวังที่จะทำลายความชอบธรรมของการชุมนุม และสกัดกั้นไม่ให้คนเข้ามาชุมนุมจำนวนมาก และจะเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลประกาศกฎหมายพิเศษในการปราบปรามและควบคุมประชาชน เหมือนกรณี 13 เม.ย.52 หรือสงกรานต์เลือดที่ผ่านมา และจากข้อมูลพบว่ามีการนำกำลังทหารหน่วยรบจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ประจำตามค่ายในกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวนมาก รวมถึงล่าสุดได้มีการฝึกซ้อมที่กรมทหารราบ 11 บางเขน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ใช้ทหารตำรวจเกือบ 4,000 นายพร้อมใช้อาวุธ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอันตราย จึงขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล หาทางป้องกันเพื่อไม่ให้มีการก่อเหตุนำไปสู่ความรุนแรง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนายอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่การจัดซื้อเครื่องจีที 200 ที่ไม่มีประสิทธิภาพว่า เป็นการทุจริตอย่างมโหฬารและชัดเจนที่สุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เซ็นอนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วพบว่าเครื่องจีที 200 ไม่มีประสิทธิภาพจริง แต่เหตุใดนายอภิสิทธิ์จึงไม่กล้าตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตซื้อเครื่องจีที 200 จากกองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือว่ากลัวอะไร วันนี้ประชาชนและประเทศชาติเสียหายแล้วจากเงินภาษีเกือบพันล้านบาท นายอภิสิทธิ์ยังเอาแต่พูดว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพและหน่วยงานที่จัดซื้อ ชีวิตของข้าราชการทหาร ตำรวจ ชั้นผู้น้อย รวมถึงประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องบาดเจ็บล้มตายจากการใช้เครื่องมือที่ไม่มีประสิทธิภาพ นายอภิสิทธิ์กลับไม่พูดถึง ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทุจริต การจัดซื้อเครื่องจีที 200 เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ถ้าไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้ตอนสมัยเป็นฝ่ายค้านที่อ้างเรื่องความสุจริตและโปร่งใส รังเกียจพวกโกงกิน ก็ควรจะลาออกจากนายกรัฐมนตรี อย่าสร้างภาพรายวันแบบดีแต่พูดแต่ไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบของคณะทำงานที่ติดตามการใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจหาสารตั้งต้นยาเสพติด อัลฟา 6 ของกรมการปกครอง ที่ได้จัดซื้อเพื่อมอบให้อำเภอตามแนวชายแดนใช้ตรวจหายาเสพติด ตามนโยบายคลีนแอนด์ซีล ของกระทรวงมหาดไทยพบว่า การจัดซื้อเป็นกรณีพิเศษไม่มีการยื่นซองประกวดราคา เป็นการจัดซื้ออุปกรณ์เร่งด่วนแบบลุกลี้ลุกลน และเป็นการใช้เงินท้ายปีงบประมาณที่ทำให้น่าสงสัยว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น กระทรวงมหาดไทยได้ซื้อเครื่องอัลฟา 6 ในราคา 720,000 บาท และจัดซื้อไปแล้วโดยใช้วงเงินเกือบ 400 ล้านบาท โดยพบว่าเครื่องอัลฟ่า 6 ของกระทรวงมหาดไทยมีราคาสูงกว่าเครื่องอัลฟา 6 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่มีราคาเพียงเครื่องละ 400,000 บาทเศษ และล่าสุดเครื่องอัลฟา 6 ซึ่งเป็นเครื่องตระกูลเดียวกับจีที 200 ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ทดสอบแล้วว่าไม่มีคุณภาพตามที่กล่าวอ้าง ดังนั้นเครื่องอัลฟา 6 ก็น่าไม่มีประสิทธิภาพด้วย น่าจะเป็นเครื่องลวงโลกเช่นเดียวกัน เพราะได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่บางคนว่าเครื่องอัลฟา 6 ใช้ไม่ได้ผล ทั้งนี้ คณะทำงานกำลังรวบรวมหลักฐานการจัดซื้อเครื่องอัลฟา 6 และจะยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดกับผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้า
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตามที่มีข่าวอื้อฉาวการทุจริตในกระทรวงมหาดไทยเรื่องจัดซื้อคอมพิวเตอร์ เรื่องการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ และล่าสุดมีข่าวการเรียกเงินแลกกับตำแหน่งอธิบดีที่ยอดเงินสูงถึง 400 ล้านบาทนั้น หากผลการตรวจสอบปรากฏเป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อระบบการเมืองและระบบราชการของไทย นักการเมืองและผู้ที่อยู่เบื้องหลังนักการเมืองเป็นไอ้โม่งอาศัยอำนาจที่ตนเองกำกับอยู่เบื้องหลังในการแสวงหาผลประโยชน์โดยที่ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบ ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้กฎเหล็ก 9 ข้อในการดำเนินการกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง และให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตและทำผิดกฎหมายโดยไม่ต้องเกรงใจพรรคร่วม หรือกลัวว่ารัฐบาลจะมีอายุสั้นลง ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่กล้าดำเนินการจะถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อต่ออายุให้ตนเองอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อไปโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ รัฐบาลชุดนี้มีเรื่องทุจริตอื้อฉาวเต็มไปหมด ถ้าไม่ชำระล้างเสียบ้าง ก็จะเป็นยิ่งกว่าบุพเฟต์คาบิเนต