"ลุงจำลอง" ย้ำจุดยืน พธม.นิ่งรับสถานการณ์-"ยะใส" ประเมินทัพแดงไม่เดือดอย่างที่คุย

"ลุงจำลอง" ย้ำจุดยืนพันธมิตรฯ ไม่เคลื่อนไหว เชื่อ แผนแดงระดมคนมืดฟ้ามัวดินแค่ราคาคุยที่แกนนำสร้างขึ้นเพื่อหลอกตัวเอง ชี้ เหตุผลแค่ล้มอำมาตย์ ทวงประชาธิปไตยคืน ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการเรียกคนชุมนุม โดยการไปตะโกนด่าทอผู้อื่นยิ่งทำให้ราคาตัวเองตกต่ำ ด้าน "ยะใส" ประเมินทัพแดงไม่เดือด คาดหลัง 26 ก.พ.นี้ ระดมคนครั้งใหญ่ แต่ด้วยยุทธวิธีแกนนำเสื้อแดงไม่เฉียบคม จึงทำได้แค่รับจ้างนำม็อบป่วนเมืองรายวัน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" 

รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น.วันศุกร์ที่ 19 ก.พ. มี น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น รวมทั้งยุทธวิธีของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แกนนำหวังจะบิดเบือนประเด็นเพื่อระดมคนมาต่อสู้ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีข่าวลือที่เกิดขึ้น เพื่อปลุกปั่นสถานการณ์ ว่า เรื่องนี้ต้องการปล่อยข่าวลือมาทำลายความเชื่อมั่นประชาชน โดยล่าสุด โทรทัศน์ช่องเสื้อแดง ได้กุข่าวว่าพันธมิตรฯ จะเดินทางไปดักทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะบุกไปปิดล้อมสำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ ที่ถนนสีลม โดยกรณีดังกล่าว หากเกิดการปะทะ ไม่ใช่ฝีมือพันธมิตรฯ แน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง ต้องได้รับมติจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯ ก่อน

พล.ต.จำลอง กล่าวประเด็นนี้ว่า แกนนำพันธมิตรฯ มีการหารือสถานการณ์บ้านเมืองกันตลอด ดังนั้น พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าไม่ออกไปเคลื่อนไหวจะชักช้าไม่ทันเกม เพราะเราติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเห็นว่า เวลานี้พันธมิตรฯ สมควรอยู่ในฐานที่มั่นไว้ก่อน รวมทั้งไม่ควรเคลื่อนไหวไปไหน เนื่องจาก การต่อสู้ที่ผ่านมาของเราเป็นประจักษ์อยู่แล้วว่า ยึดหลักสันติ อหิงสา เราไม่เคยบอกว่าใครเป็นศัตรู แต่เราจะไม่ยอมปล่อยให้คนโกงบ้านกินเมือง หรือมาทำลายชาติของเรา โดยหลังจากที่พันธมิตรฯ ประกาศยุติการชุมนุม ก็เพราะเห็นว่า มีรัฐบาลฝ่ายบริหารประเทศแล้ว ฉะนั้น ก็ต้องปล่อยให้เขาทำงานกันไป

นายสุริยะใส กล่าวถึงการต่อสู้คนเสื้อแดงว่า ช่วงสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว ซึ่งคนเสื้อแดงได้นัดชุมนุม ถือเป็นบทเรียนที่ดีของพันธมิตรฯ เพราะเห็นแล้วว่า เราไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรคนพวกนี้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องเข้าไปปราบปรามพวกที่ละเมิดกฏหมาย รวมทั้ง พันธมิตรฯ ไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องฆ่าแกงผู้อื่นด้วย

พล.ต.จำลอง กล่าวประเด็นเดียวกันว่า เหตุผลการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่แกนนำออกมาระบุว่า จะระดมคนมืดฟ้ามัวดิน เหตุผลที่จะทำเช่นนั้นได้ คือผู้คนต้องรู้สึกอึดอัดใจ จนไม่อาจทนได้ แต่วันนี้เท่าที่ตนเห็น ยังไม่มีอะไรที่จะทำให้เป็นเช่นนั้น จะมาอ้างว่าทำเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหรือล้มอำมาตย์ ซึ่งใครๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่ เป็นการทำเพื่อคนๆเดียว หรือที่ออกไปชุมนุมปิดถนนสีลมวันนี้ ก็เอาประเด็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ขึ้นมาโจมตี โดยกล่าวหาว่าโกงและไม่ยอมเสียภาษี ซึ่งมันไม่ใช่เลย การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ ดังนั้น ที่บอกว่าจะระดมคนมาเป็นแสนเป็นล้าน ก็คงทำไม่ได้

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เกิดขึ้นได้ 3 กรณี คือ ยึด ไม่ยึด หรือยึดบางส่วน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปตามนั้น แต่ตอนนี้ที่ชาติบ้านเมืองวุ่นวาย ก็เพราะรัฐบาลและทหารอ่อนแอ ไม่ยอมใช้กระบวนการยุติธรรมมาแก้ปัญหา แต่ตอนนี้รัฐบาล ตื่นตัวแล้ว ดังนั้น มาช้าดีกว่าไม่มา หากรัฐบาลและกองทัพไม่ทำอะไร แบบนี้มีก็เหมือนไม่มี

นายสุริยะใส กล่าวถึงสื่อปลุกระดมคนเสื้อแดงว่า เมื่อสมัยก่อนมีเพียงแค่คลื่นวิทยุแท๊กซี่อย่างเดียว แต่เวลานี้ นปช. มีวิทยุชุมนุมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยอาจจะใช้ช่วงนี้ลงมือปฏิบัติการอะไรบางอย่าง โดยใช้สื่อวิทยุชุมชน เพื่อซักซ้อมหรือชี้เป้า ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ทำไมรัฐบาลหรือรัฐมนตรีดูแลสื่อไม่เข้าไปจัดการเรื่องนี้ ปล่อยให้มีการใช้คลื่นวิทยุชุมชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า นับวันจะยิ่งมีการปลุกระดมที่รุนแรง และยิ่งรัฐไม่ยอมดำเนินคดีทางกฏหมาย คนพวกนี้ก็ยิ่งได้ใจไปกันใหญ่ โดยจะเห็นได้ว่า วิทยุชุมนุมเคยถูกปลุกระดมมาต่อต้านรัฐบาลมากมาย ซึ่งถ้าหากรัฐบาลยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วจะไปดูแลชีวิตใครได้

นายสุริยะใส กล่าวถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ว่า ตนอยากฝากให้พี่น้องพันธมิตรฯ มีสติ และเชื่อมั่นในเหตุผล เพราะถ้ามีใครมาบอกว่าพันธมิตรฯ จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ ไปทำร้ายใคร แบบนี้ถือว่าไม่ใช่พันธมิตรฯ แน่นอน เพราะที่ผ่านมาเรามีบทพิสูจน์ตั้งมากมาย ถ้าหากมีอะไรให้ส่งข่าวมาที่ส่วนกลาง ซึ่งจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกันต่อไป

พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำจุดยืนพันธมิตรฯว่า ถ้าได้ยินว่าพันธมิตรฯจะไปมีเรื่องกับใคร ขอให้เชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะขนาดเราถูกยิงยังจับมือใครดมไม่ได้ ตอนนั้น การ์ดอาสาจะขอลาออกกันหมด เพื่อมาต่อสู้ ซึ่งตนก็ห้ามปรามไว้ แล้วให้เหตุผลไปว่า มันไม่ใช่แนวทางของเรา เพราะเราผ่านเรื่องราวมาเยอะมาก ไม่มีวันใช้ความรุนแรงเด็ดขาด

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงการต่อสู้คนเสื้อแดงว่า ตอนนี้ดูแตกแยกทั้งในและนอกสภา ไม่ว่าจะเป็นเกมนอกสภา ที่ใช้แผนชุมนุมดาวกระจาย ก็ดึงผู้คนไปร่วมชุมนุมได้ไม่มาก เพราะคนก็เริ่มรู้ว่า ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม และทำเพื่อคนๆเดียว แล้วยิงการกระทำแต่ละครั้ง ล้วนแล้วแต่เสียหาย ไปด่าทอคนโน้นคนนี้ สิ่งเหล่านี้ ทำลายชอบธรรมในการชุมนุมไปหมด

นายสุริยะใส กล่าวถึงยุทธวิธีคนเสื้อแดงว่า การที่บุกไปปิดล้อมถนนสีลมถือว่าแกนนำเสื้อแดงอ่านเกมพลาด และถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ทำให้เหตุผลการชุมนุมลดลง โดยการนำเช่นนี้ มันยืดเยื้อเกินไป มีการดาวกระจายรายวัน แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องสนุก เป็นการหลอกตัวเองว่าสู้แล้วจะชนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ จะทำให้ผู้ชุมนุมเหนื่อยกันเปล่าๆ โดยทำแบบนี้มันเหมือนกดดันตัวเอง สุดท้ายแล้วก็จะไม่เหลืออะไร สำหรับพันธมิตรฯ แล้วแกนนำคุยกันแค่ 5 คนก็รู้เรื่อง แต่ฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่รู้ว่ามีตั้งกี่ฝ่าย และไม่รู้ว่าใครเป็นแกนนำที่ชัดเจน

พล.ต.จำลอง กล่าวประเด็นเดียวกันว่า การที่ระดมคนบอกว่าจะออกมาเป็นล้าน ตนคิดว่าทำได้ยาก เพราะหากทำเช่นนั้นได้จริงๆ คงทำไปนานแล้ว เพียงเท่านี้ระดมได้แค่ 50,000 คน ก็ถือว่ายากแล้ว การจัดการชุมนุมไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งการดาวกระจายไปเรื่อยๆ แบบนี้ค่อนข้างเหนื่อย

พล.ต.จำลอง กล่าวในส่วนท่าทีพันธมิตรฯ ว่า ตนอยากให้พี่น้องทุกคนมั่นใจกับคำว่าพันธมิตรฯ แล้วกลมเกลียวเหนียวแน่นซึ่งกันและกัน โดยต้องเชื่อว่าเราไม่ได้ทิ้งบ้านเมือง แต่เราเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อปกป้องสถาบันและชาติบ้านเมือง โดยเราทำตามสถานการณ์ ถ้าหากให้มองเกมข้างหน้า เราอาจจะดูอะไรไม่ทั่วถึง ดังนั้น การที่ไม่ออกไปเคลื่อนไหว เพราะเราต้องการเฝ้ารอดูสถานการณ์ แต่ไม่ใช่เราตามเกมไม่ทัน

นายสุริยะใส กล่าวปิดท้ายว่า แผนการให้ ส.ส.เพื่อไทย ระดมคนเข้ามากรุงเทพฯ คำถามที่สำคัญคือ เมื่อระดมมาได้แล้ว จะอยู่ได้นานหรือเปล่า อีกทั้ง เวลานี้ ส.ส.เพื่อไทย คงอยากรอฟังคำตัดสินคดียึดทรัพย์ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ จะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน แต่ถึงอย่างไร ตนเชื่อว่าการระดมคนครั้งใหญ่ น่าจะเกิดหลังวันที่ 26 ก.พ.นี้ ซึ่งถ้าให้ประมาณเต็มที่ไม่น่าเกิน 30,000 คน และคนพวกนี้ไม่ใช่คนชี้ขาดเกมนี้ แต่เป็นกำลังไม่ทราบฝ่ายที่อาจเข้ามาลงมือแทน