ก่อนจะถึงวันพิพากษา

อีก 7 วัน จะถึงวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ นช. ทักษิณ ชินวัตร กับครอบครัว จนถึงขณะนี้ สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง อย่างที่หวาดกลัวกัน ไม่มีการรัฐประหาร ยึดอำนาจ อย่างที่มีการกุข่าวกัน

มีแต่ความเคลื่อนไหวอย่างสะปะสะปะ ไร้ทิศทาง เพื่อให้เป็นข่าวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ใช้กลยุทธ์ ปั้นน้ำ เป็นตัว และการคุกคามองค์คณะผู้พิพากษา

ถ้าจะมีเหตุการณ์สักอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะถึงวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ ก็น่าจะเป็นวันนี้แหละ ที่กลุ่มเสื้อแดงจะไปชุมนุมประท้วง หน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม แต่จะไม่ใช่เหตุรุนแรง เป็นเพียงการต้อนรับ การมาเยือนถึงถิ่นของคนสีลม แบบพอหอมปาก หอมคอ เท่านั้น

อยู่ๆ คนเสื้อแดงเดินแกว่งเข้ามาหาเอง จะให้คนแถวนั้น ทำเฉยเมยแบบคนไร้น้ำใจ ไม่ใยดีกับผู้มาเยือน ก็ดูกระไรอยู่

จึงขอแนะนำด้วยความหวังดีมายังคนที่จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงในวันนี้ว่า ควรจะสวมหมวกกันน็อค เพื่อความปลอดภัย และเตรียมเสื้อสีอื่นๆ ที่ไม่ใช่สีแดงสำรองไปด้วย เพราะชัยภูมิของถนนสีลมนั้น เวลาเข้าๆง่าย แต่ออกยาก

ที่สำคัญ อย่าลืมคิดค่าธรรมเนียมความเสี่ยงเพิ่มจากค่าจ้างปกติสำหรับการเยือนถิ่นสีลม เพราะได้ข่าวว่า การต้อนรับในวันนี้ จะเป็นแบบ “ full option “

แกนนำคนเสื้อแดงเอง อาจะหวังด้วยซ้ำไปว่า จะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เพื่อจะได้มีประแด็นเคลื่อนไหวต่อไป แต่ก็คงได้แต่หวัง และพาคนไปเจ็บตัวฟรีเท่านั้น หากมีเหตุเกิดขึ้น เพราะกระแสสังคมล้วนเบื่อหน่าย เอือมระอากับ การสร้างความแตกแยก ปั้นน้ำเป็นตัวไปวันๆของแกนนำคนเสื้อแดง ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบนถนนสีลมในวันนี้ กระแสสังคมที่จะตามมาคงจะมีแต่ความพอใจ

ก่อนจะถึงวันพิพากษา ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง ที่คนเสื้อแดงก่อขึ้น เพราะ การแตกหัก หรือสงครามครั้งสุดท้าย ถ้าจะมีจริง ต้องเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่รอให้ ผีถึงป่าช้าอย่างเวลานี้

ส่วนสถานการณ์หลังวันอ่านคำพิพากษา ที่ประเมินกันว่า จะยิ่งร้อนแรงขึ้น ไม่ว่า คำพิพากษาจะเป็นอย่างไรนั้น ก์ยิ่งมีความเป็นไปได้น้อยมาก

มองย้อนหลังกลับไปดู การอ่านคำพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับ นช. ทักษิณกับพวก หลายๆคดี ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นคดียุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน คดีที่ดินรัชดา คดีกล้ายาง และคดีหวยบนดิน

การอ่านคำพิพากษาแต่ละคดี มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทส ให้คนไทยหลายสิบล้านคนฟังพร้อมๆกัน การพิเคราะห์ข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง ในแต่ละประเด็นขององค์คณะผู้พิพากษา จึงต้องมีเหตุผล ที่สามารถอธิบายได้ ทุกข้อ ทุกประเด็น

แน่นอนว่า ต้องมีทั้งผู้ที่พอใจ และคนที่ไม่ถูกใจ แต่ที่ผ่านมาทุกคนก็ยอมรับในคำพิพากษาของศาล เพราะเป็นคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้ว จะมีก็แต่ผู้ที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดเท่านั้น ที่กล่าวหากระบวนการยุติธรรมว่า มีสองมาตรฐาน กลั่นแกล้งตนไม่ให้ได้รับความเป็นธรรม และบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างเช่น คำพิพากษาในคดีที่ดินรัชดา ที่เป็นเรื่องการทำผิดกฎหมาย ปปช ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐและคุ่สมรส ไปทำสัญญา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ที่ถูกบิดเบือนว่า ถูกศาลตัดสินจำคุก เพราะไปเซ็นยินยอมให้เมียไปประมูลที่ดินของกองทุนฟื้นฟู

การอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์นช. ทักษิณ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นเรื่องดีที่ข้อกล่าวหาต่อ นช. ทักษิณ จะมีความชัดเจน ว่า เขาทำผิดตามที่ถูก คตส. กล่าวหาหรือไม่ และแน่นอนว่า องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ จะใช้หลักกฎหมาย หลักเหตุผลที่เป็นธรรม พิจารณาคดีนี้อย่างถี่ถ้วน รอบด้าน และสามารถอธิบายให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับได้ เหมือนเช่นคำพิพากษาในคดีอื่นๆ หรืออาจจะย้อนหลังไปถึงคดีซุกหุ้นเมื่อ ปี 2544 ที่ศาลรัฐธรรมนูฯญวินิจฉัยว่า นช.ทักษิณ ไม่มีเจตนาซุกหุ้น ประชาชนก็ยอมรับกันได้