ศาลปกครองกลางนัดเดินเผชิญสืบ 12 โครงการมาบตาพุดจันทร์นี้ ก่อนตัดสินอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการหรือไม่ ด้านนายกต่อต้านสภาวะโลกร้อน เตรียมแจงเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ และพร้อมปฏิบัติตาม รธน. ม.67 วรรค 2 ในภายหลัง
วันนี้ (18 ก.พ.) องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง ที่มีนายภานุพันธ์ ชัยรัต ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง ในฐานะตุลาการเจ้าของสำนวน ได้ไต่สวนนัดแรก กรณีที่อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยขอให้ 12 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ศาลฯ มีคำสั่งระงับการดำเนินการไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษานั้น สามารถก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จได้ ภายหลังการไต่สวนใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า ในการไต่สวนตัวแทน 12 โครงการได้ชี้แจงต่อศาลว่า ต้องการขออนุญาตศาลในการก่อสร้างโครงการฯ ให้แล้วเสร็จก่อน โดยอ้างเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็พร้อมจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง พร้อมกับระบุว่าในอนาคตหากศาลมีคำพิพากษาออกมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็พร้อมที่จะน้อมรับ จะไม่เรียกค่าเสียหายกับรัฐ แต่ทางสมาคมฯ ได้โต้แย้งว่า หากปล่อยให้ 12 โครงการมีการก่อสร้างไปก่อน ไม่ได้มีหลักประกันที่จะเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เกิดเหตุขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการรั่วของแก๊ส โดยไม่มีหน่วยงานรัฐมารับผิดชอบ ดังนั้น ถ้าศาลอนุญาตให้ 12 โครงการเดินหน้าก่อสร้าง ก็อาจเกิดเหตุซ้ำรอยได้ ทางศาลจึงเห็นว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วน องค์คณะตุลาการฯจึงจะเดินเผชิญสืบสถานที่จริงทั้ง 12 โครงการที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในวันจันทร์ที่ 22 ก.พ.เวลา 09.00 น.
วันนี้ (18 ก.พ.) องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง ที่มีนายภานุพันธ์ ชัยรัต ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง ในฐานะตุลาการเจ้าของสำนวน ได้ไต่สวนนัดแรก กรณีที่อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยขอให้ 12 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ศาลฯ มีคำสั่งระงับการดำเนินการไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษานั้น สามารถก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จได้ ภายหลังการไต่สวนใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า ในการไต่สวนตัวแทน 12 โครงการได้ชี้แจงต่อศาลว่า ต้องการขออนุญาตศาลในการก่อสร้างโครงการฯ ให้แล้วเสร็จก่อน โดยอ้างเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็พร้อมจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง พร้อมกับระบุว่าในอนาคตหากศาลมีคำพิพากษาออกมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็พร้อมที่จะน้อมรับ จะไม่เรียกค่าเสียหายกับรัฐ แต่ทางสมาคมฯ ได้โต้แย้งว่า หากปล่อยให้ 12 โครงการมีการก่อสร้างไปก่อน ไม่ได้มีหลักประกันที่จะเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เกิดเหตุขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการรั่วของแก๊ส โดยไม่มีหน่วยงานรัฐมารับผิดชอบ ดังนั้น ถ้าศาลอนุญาตให้ 12 โครงการเดินหน้าก่อสร้าง ก็อาจเกิดเหตุซ้ำรอยได้ ทางศาลจึงเห็นว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วน องค์คณะตุลาการฯจึงจะเดินเผชิญสืบสถานที่จริงทั้ง 12 โครงการที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในวันจันทร์ที่ 22 ก.พ.เวลา 09.00 น.