“เทพไท” สวน “แม้ว” อย่าร้อนท้อง ต่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง

“โฆษกมาร์ค” ยัน รบ.ไม่ได้ใส่ร้าย “นช.แม้ว” ต่อท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดงป่วนเมือง เฉ่งกลับอย่ากินปูนร้อนท้อง ย้ำมีหลักฐานชัดเจน ตอกกลับให้ไปถามบุตรชายเรื่องฉี่ม่วง โว รบ.พรรคร่วมปึ้ก เพ้ออยู่ครบวาระแน่ หลังมีมติเลื่อนถกแก้ร่างรัฐธรรมนูญ เฉ่ง “นพดล” อย่าแก้ต่างแทนแม้ว อ้างหมดตัวเพราะถูกยึดทรัพย์

วันนี้ (11 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเส้นทางการโอนเงินเข้าประเทศอย่างผิดปกติ ทำให้มีสมาชิกของระบอบทักษิณเรียงหน้าออกมาตอบโต้ ทั้งที่ๆ ไม่ทราบข้อเท็จจริงและรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวว่า เส้นทางการโอนเงินอย่างผิดปกติ รัฐบาลได้รับรายงานว่ามีการเคลื่อนไหวของเงินอย่างผิดปกติในช่วงหลังปีใหม่เป็นต้นมา รัฐบาลได้ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง จึงไม่สามารถที่จะเอาหลักฐานมาเปิดเผยต่อสาธารณะได้ การที่สมาชิกในระบอบทักษิณออกมาท้าทายให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น ขอชี้แจงว่ารอจังหวะเวลาที่เหมาะสมและรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์มากกว่านี้ ก็จะนำมาเปิดเผย ต่อประชาชนอย่างแน่นอน รวมถึงต้องดำเนินกดคีตามกฎหมายอีกด้วย
อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้ได้ใช่ความระมัดระวัง และตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะดำเนินการอะไรลงไป เพราะเกรงว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง ซึ่งไม่เหมือนยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตี ที่ใช้องค์กรของรัฐเข้าไปตรวจสอบทางด้านการเงิน รวมถึงกลั่นแกล้ง ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และศัตรูทางการเมืองที่ไม่สนับสนุนตนเอง

นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทวิตเตอร์พาดพิงมายังรัฐบาล และกล่าวหาว่า รัฐบาลกลั่นแกล้งใส่ร้าย ตนไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมในลักษณะกินปูนร้อนท้อง และเสียดสีว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลสีม่วง ซึ่งไม่เข้าใจในความหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึง แต่ขอชี้แจงว่ารัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้เป็นรัฐบาลสีม่วง แต่เป็นรัฐบาลสีธงชาติไทย คือ แดง ขาว น้ำเงิน ถ้าจะเป็นรัฐบาลสีม่วง ก็มีเฉพาะสีม่วงที่เป็นห้องรับแขก ในตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น ถ้าจะตรวจสอบว่าใครสีม่วง ไม่สีม่วงบ้างนั้นก็อยากแนะนำให้ไปตรวจสอบลูกผู้นำประเทศบางคนที่มีกระแสข่าวว่าพัวพันกับยาเสพติด มาโดยตลอดว่ามีฉี่สีม่วงหรือไม่ และเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นคนกลุ่มสีม่วงแล้วหรือยัง

นายเทพไทกล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของตนเองออกมาแก้ต่างว่าเรื่องดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกอายัดไว้หมดแล้วนั้น อยากจะถามว่า เงิน 7.6 หมื่นล้านที่อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะตัดสินในวันที 26 ก.พ.นั้น มีเพียงจำนวนแค่นี้หรือ อยากจะถามว่า จำนวนเงินที่ขายสโมสรฟุตบอลแมนฯ ซิตี ได้นำเข้าในประเทศแล้วถูกอายัดหรือยัง วันนี้ไม่มีใครเชื่อว่ พ.ต.ท.ทักษิณมีเงินแค่ 7.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อวดร่ำอวดรวยว่าไปลงทุนทำเหมืองเพชร เหมืองทอง ลงทุนด้านโทรคมนาคมในประเทศต่างๆ ถ้าหากว่าไม่มีเงินจะลงทุนได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นการแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ลูกน้องออกมาโกหกคำโต แต่เชื่อว่าคนไทยสามารถจับได้ไล่ทันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเงินอยู่ ถ้าไม่มีเงินจริง ม็อบคนเสื้อแดง ก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ จัดม็อบชุมนุมนครั้งหนึ่งต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายนับสิบล้านบาท แล้ววันนี้จัดมากี่ครั้งแล้ว สามารถคำนวนเป็นจำนวนเงินได้ จึงอยากจะเรียนว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องที่รัฐใช้ใส่ร้ายคนเสื้อแดงแต่อย่างใด แต่เป็นข้อเท็จจริงที่รัฐบาลจะต้องตรวจสอบและเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ ว่ามีคนกลุ่มหนึ่ง เคลื่อนไหวทางการเมืองโดยใช้เงินจากต่างประเทศ มาสร้างความวุ่นวายและทำลายชาติบ้านเมือง

นายเทพไทกล่าวถึงกรณีการประชุมรัฐสภาในวันนี้ (11 ก.พ.) ว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาลได้รับการสนับสนุน และร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งอย่างดียิ่งจนสามารถผลักดันเปลี่ยนแปลงวาระการประชุมเรื่องกรอบการเจรจากับประเทศต่างๆ มาพิจารณาก่อน ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างดี เป็นการส่งสัญญาณ ให้สังคมมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ยังมีเสถียรภาพที่มั่นคง ที่สมาชิกในพรรคร่วมรัฐบาลสามัคคีกัน ผลักดันกฎหมายและมติต่างๆ ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลต้องการได้

นายเทพไทกล่าวว่า เชื่อมั่นได้ว่าความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในพรรคร่วมมรัฐบาล สามารถที่จะดับกระแสข่าวที่บุคคลลบางกลุ่มบางฝ่ายออกมาปล่อยข่าวสร้างความขัดแย้งระหว่างพรคร่วมรัฐบาล แต่วันนี้ได้มีบทพิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลไม่มีความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น และเชื่อว่าสามารถที่จะเป็นรัฐบาลจนครบวาระได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของระบอบรัฐสภา ซึ่งจะนำยกขึ้นมาพิจารณาในโอกาสต่อไป และจะไม่เป็นปัญหาอุปสรรค ในความสัมพันธ์ของพรคร่วมรัฐบาลแน่นอน วันนี้ในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องขอขอบคุณเพื่อสมาชิกพรรคร่วมทุกคน ที่แสดงน้ำใจต่อกัน ที่ได้แสดงออกให้สังคมได้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วน ให้มีความมั่นใจถึงอนาคตทางการเมืองของประเทศชาติ ได้