xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปกครองยกคำร้องอดีตเลขาฯ กกต.ถูกตัดเงินเดือนส่อทุจริต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลปกครองยกคำร้องกรณี ร.ต.วิจิตร ยื่นฟ้อง กกต.เหตุถูกลงโทษฐานวินัยตัดเงินเดือน 10 เปอร์เซ็นต์ จัดซื้อรถยนต์กับบริษัท อีซูซุ ส่อทุจริตเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับประโยชน์

วันนี้ (10 ก.พ.) ที่ศาลปกครองกลาง นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการศาลปกครองกลางและตุลาการเจ้าของสำนวน ได้มีคำสั่งพิพากษายกฟ้อง คดีที่ ร.ต.วิจิตร อยู่สุภาพ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), ประธาน กกต., และสำนักงาน กกต. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 กรณีที่ กกต.มีคำสั่งลงโทษทางวินัย ร.ต.วิจิตร และตัดเงินเดือน 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 4 เดือน เนื่องจากได้อนุมัติจัดซื้อรถยนต์บรรทุกขนาด 1 ตัน จำนวน 75 คัน ให้กับบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด แทนที่จะเสนอราคาให้กับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด) ที่เสนอราคาที่ถูกต้องและต่ำที่สุด

โดยประเด็นที่ ร.ต.วิจิตร ยื่นให้พิจารณาว่า กกต.ได้ใช้ดุลยพินิจโดยชอบในการออกคำสั่งลงโทษทางวินัยหรือไม่นั้น ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ ร.ต.วิจิตรรับไว้และสั่งให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคารับไปประกอบการพิจารณา ทั้งที่เป็นการต้องห้ามไม่ให้นำไปพิจารณา ประกอบกับ ร.ต.วิจิตรได้สั่งการให้ซื้อรถยนต์ดังกล่าว จึงถือเป็นการกระทำที่เกินอำนาจ อีกทั้งทางบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด ได้เคยขอยื่นหนังสือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการประกวดราคา ที่อาจจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้เสนอราคาก่อนที่มีการทำสัญญา แต่ ร.ต.วิจิตรก็ไม่ได้สั่งให้มีการยกเลิกการประกวดราคา พร้อมกับได้อนุมัติให้แก้ไข เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามที่บริษัท อีซูซุฯ เสนอมา ทำให้การซื้อขายและการตรวจรับรถยนต์ไม่เป็นไปตามสัญญา พฤติกรรมของ ร.ต.วิจิตร จึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ การออกคำสั่งของ กกต.จึงถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยชอบแล้ว

ส่วนข้ออ้างของ ร.ต.วิจิตร ที่ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่2 พิจารณาอุทธรณ์ของร.ต.วิจิตร ขัดกับหลักการพิจารณาอุทธรณ์ เพราะเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 พิจารณาลงโทษ ร.ต.วิจิตรแล้ว ไม่อาจพิจารณาอุทธรณ์ของ ร.ต.วิจิตรได้อีกนั้น ศาลเห็นว่า การที่ ร.ต.วิจิตร ได้อุทธรณ์คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีการพิจารณาอุทธรณ์ ก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จะมีคำสั่งให้ลงโทษตัดเงินเดือนออกมา จึงแสดงให้เห็นว่า มีการดำเนินการตามข้อ 89และ 91 ของระเบียบกกต.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2542 ข้ออ้างของร.ต.วิจิตรจึงไม่อาจนำมารับฟังได้

สำหรับประเด็นที่อ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 3 กระทำการละเมิดต่อ ร.ต.วิจิตรหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเป็นการกระทำที่ละเมิด จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนเท่าใด ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ศาลวินิจฉัยว่าการออกคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว กรณีดังกล่าว จึงไม่อาจถือได้ว่าการออกคำสั่งเป็นการละเมิด
กำลังโหลดความคิดเห็น