สภาน้ำลายเปรอะ!! “บุญยอด” ฟ้อง “ประสิทธิ์” เพื่อไทยไม่ยอมลงชื่อเข้าประชุมแต่สะเหล่ออภิปราย เจ้าตัวลุกโต้ ฟัดกันนัว ซ้ำฝ่ายค้านตีรวนวอล์กเอาต์หลัง “ธนา” ประชาธิปัตย์ เสนอนับองค์ควบเสียบบัตร แต่ไร้ผล ส.ส.องค์ครบประชุมต่อได้
วันนี้ (10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ซึ่งการประชุมสภาเป็นครั้งที่ 3 ในการเปลี่ยนแปลงเวลาการประชุมใหม่ในเวลา 09.00-17.00น ปรากฏว่าไม่สามารถเริ่มประชุมตามกำหนดได้เนื่องจากมี ส.ส.เซ็นชื่อเพียง 175 คน จาก 475 คน ไม่ครบองค์ประชุมกึ่งหนึ่ง 238 คน ประธานจึงได้ประกาศเลื่อนการประชุมเป็นเวลา 10.00น.
จนกระทั่งเวลา 10.00 น.นายชัยได้สั่งเปิดประชุมอีกครั้งเมื่อมี ส.ส.เซ็นชื่อ 259 คน ถือว่าครบองค์ประชุม ทำให้สามารถประชุมได้ซึ่งเริ่มพิจารณาตามระเบียบวาระ พิจารณาร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วต่อจากการประชุมสัปดาห์ที่ แล้วเมื่อวันที่3 ก.พ.หลังมีปัญหาองค์ประชุมล่มซึ่งก่อนจะลงมติเห็นชอบมาตราในร่างดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะลงมติตรวจสอบองค์ประชุมก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตำหนิ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ยอมลงชื่อเพื่อให้องค์ประชุมครบ ได้ฟ้องกลางที่ประชุมว่า นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ไม่ยอมลงชื่อเข้าประชุม แต่กลับมาใช้สิทธิอภิปรายในสภา ถือว่าผิดข้อบังคับและไม่ควรใช้สิทธิอภิปรายได้ ทำให้นายประสิทธิ์ลุกขึ้นตอบโต้ด้วยความไม่พอใจว่า ไม่มีระเบียบข้อบังคับไหนที่เซ็นชื่อหรือไม่เซ็นชื่อแล้วจะเข้าประชุมไม่ได้ ซึ่งในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ไม่เซ็นชื่อเหมือนกัน ความจริงควรจะฟังคำพูดของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
ทั้งนี้ หลังจากที่ทั้งคู่ได้โต้เถียงกันไปมาจนทำให้ ประธานสภาฯ ตัดสินใจสั่งให้ นพ.ประสิทธิ์ นั่งลง แต่ไม่ยอมนั่ง ทำให้นายชัยได้ตัดบทว่าก็อย่างนั้น ถ้าอยากยืนก็ให้ยืนไปตามสบาย อย่างไรก็ตามบรรยากาศในการประชุมจะมีวิวาทเกี่ยวกับเรื่ององค์ประชุมระหว่าง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นระยะ ทำให้ประธานที่ประชุม ต้องไกล่เกลี่ยทุกครั้งทำให้เสียเวลาพอสมควรกว่าจะเข้าสู่การพิจารณาได้
โดยก่อนการลงมติ ประธานได้ให้สมาชิกแสดงตนก่อนลงมติปรากฏว่า นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอญัตติให้นับจำนวน ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุมแทนการเสียบบัตร ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ได้เดินออกจากห้องประชุม อย่างไรก็ดีนายชัย ได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับที่ 25 ทดสอบการนับองค์ประชุมทั้ง 2 วิธี ปรากฏว่ามีจำนวนใกล้เคียงกัน ในที่สุดนายชัยวินิจฉัยว่าจะใช้วิธีเสียบบัตรในการนับองค์ประชุมซึ่งปรากฏว่าองค์ประชุมครบมีถึง 257 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง จึงทำให้ดำเนินการประชุมต่อไปได้
