"มาร์ค"ไล่บี้กรมชลฯ-กรมส่งเสริมการเกษตร แจงปริมาณน้ำหลังจากเกษตรกรแห่ปลูกข้าวนาปรังจนจัดสรรน้ำให้ไม่พอ พร้อมสั่งไตรรงค์นำทีมจัดทำระบบประกันภัยพืชผล แถมไฟเขียวเงิน 1,200 ล้านบาทช่วยเกษตรกรที่ถูกเพลี้ยกระโดดเล่นงาน ครม.อนุมัติให้กห.ทำบันทึกความเข้าใจร่วมฝึกคอบร้าโกลด์กับสิงคโปร์ เห็นชอบให้รองนายกฯ-รมว.คลัง เป็นคกก.กำกับราคากลางงานก่อสร้าง อนุมัติแผนความมั่นคงของกอ.รมน.ปี53-54 ไม่แตะถนนไร้ฝุ่น ได้แค่หั่นงบต้นกล้าอาชีพ
วันนี้ (9 ก.พ.) นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งประชาสัมพันธ์และชี้แจงกลุ่มผู้ใช้น้ำและเกษตรกร ให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำในแหล่งกักเก็บน้ำให้ชัดเจน และเร่งตรวจสอบพื้นที่การทำนาปรัง เพื่อจัดทำกรอบเป้าหมายในการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวรอบที่ 2 หรือข้าวนาปรังประจำปี 53 รวมถึงให้เร่งรัดการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวรอบที่ 2 และเข้มงวดในกระบวนการทำประชาคม เพื่อตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกนาปรัง และให้กรมส่งเสริมการเกษตรและธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) รายงานผลการดำเนินงานต่อคระกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เป็นประจำทุกสัปดาห์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะคณะกรรมการประสานการดำเนินงานฯ เสนอ
ทั้งนี้คณะกรรมการฯได้ออกสำรวจความก้าวหน้าการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบที่ 2 และพบว่าเกษตรกรได้แห่กันมาจดทะเบียนเพื่อปลูกข้าวกันมากเพื่อขอใช้สิทธิ์ ขณะที่กรมชลประทานได้คาดการณ์พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังปี 52/53 ตามปริมาณการจัดสรรน้ำได้เพียง 9.5 ล้านไร่ โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพียง 912,300 ไร่ และตามรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่าการเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 52 มีทั้งสิ้น 12.4 ล้านไร่ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 1.46 ล้านไร่ จึงเกรงว่าอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับการปลูกข้าวนาปรังได้
“ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.พ.มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 170,314 ราย หรือคิดเป็น 35.26% ของจำนวนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังเมื่อปี 51/52 คิดเป็นพื้นที่ปลูกในปี 52/53 จำนวน 3.23 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 22.66 % ของพื้นที่เมื่อปี 51/52 โดยจำนวนนี้ได้ทำประชาคมแล้ว 1,543 รายหรือคิดเป็น 0.91 % ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน โดยเฉพาะในภาคอีสานมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนมากถึง 59,857 ราย หรือคิดเป็น 58.59% ของผู้ที่ปลูกข้าวนาปรังเมื่อปี 51/52 ซึ่งถือว่าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรยังทำได้ล่าช้าเพราะหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่ขาดแบบรายงานการจดทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจและยังไม่ได้จัดส่งข้อมูลเข้าระบบ”
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ครม.ยังเห็นชอบการจัดทำระบบการประกันภัยพืชผลการเกษตร และมอบหมายให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ร่วมกับกระทรวงการคลัง,กระทรวงเกษตรฯ,กระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปร่วมกันจัดทำรูปแบบและระบบประกันภัยพืชผลเกษตรกรให้ชัดเจนอีกครั้ง และสั่งการให้กระทรวงวิทย์ฯไปกำหนดพิกัดพื้นที่การปลูกข้าวและพืชผลการเกษตรโดยใช้ระบบดาวเทียมให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนเสนอให้ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง และที่ประชุมยังเห็นชอบให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ยและโรคใบหงิก เป็นวงเงิน 1,200 ล้านบาท โดย 500 ล้านบาทใช้จากเงินงบประมาณและอีก 700 ล้านบาทให้ใช้เงินจากกองทุนนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรหรือคชก.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีการอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอดังนี้ 1. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ว่าด้วยการเข้าร่วมของกองทัพสิงคโปร์ในการฝึกคอบร้าโกลด์ 2. อนุมัติให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจฯ อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวมีลักษณะเป็นความตกลงระหว่างประเทศที่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพัน (ก่อนการลงนาม)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีการเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับนโยบายราคากลางงานก่อสร้าง ดังนี้ 1. รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับการปฏิบัติราชการของสำนักงบประมาณ เป็นประธานกรรมการ 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานกรรมการ
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า ครม.ให้ความเห็นชอบตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)ได้เสนอแผนรักษาความรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประจำปีพ.ศ. 2553-2554 และครม.ยังมอบหมายให้กอ.รมน.มีอำนาจกำกับการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 7(3)แห่งพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ. 2551 ซึ่งกอ.รมน.รายงานว่าได้จัดสัมมนาประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
“ก็มีการสรุปสาระสำคัญในเรื่องของสถานการณ์ ในเรื่องของแนวความคิดในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกลยุทธ์ต่างๆ การปฏิบัติการของหน่วย”นายศุภชัย กล่าว
นายวัชระ ยังได้แถลงผลการประชุมครม.ว่า กระทรวงการคลังได้รายงานในที่ประชุมครม.ในเรื่องการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งกระทรวงการคลังได้ชี้แจงกับครม.ว่าคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการไทยเข้มแข็งฯ ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการต่างๆ และได้นำเสนอเป็นข้อสรุปกับครม.ดังนี้ 1.เรื่องของกรอบการปรับเปลี่ยนโครงการ ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้รายงานต่อที่ประชุมครม.ว่ามีการปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ ในแต่ละโครงการกับวงเงิน นอกจากนี้มีการปรับลดวงเงินและขออนุมัติในส่วนของงบประมาณโครงการต้นกล้าอาชีพ จากจำนวน 7.5 พันล้านบาทเหลือ 2.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติ มีการพูดถึงหลักเกณฑ์การปฏิบัติ มีการพูดถึงแผนการปรับเงิน มีการขออนุมัติการปรับแผน ขออนุมัติการใช้เงินของโครงการ และมีการขอกำหนดเวลาจัดสรรเงินโครงการ
นายวัชระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กระทรวงคลังยังขอครม.อนุมัติเห็นชอบการกำหนดเวลาการจัดสรรเงินตามโครงการภายใต้ไทยเข้มแข็งฯ โดยให้หน่วยงานต่างๆส่งข้อมูลไปที่สำนักงานงบประมาณ เพื่อขอจัดสรรเงินให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 ก.พ.นี้ โดยหลังจากนั้นสำนักงบประมาณจะอนุมัติเงินภายใน 15 วันทำการ และหลังจากนั้นหน่วยงานจะต้องลงนามให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เม.ย. แต่กำหนดการดังกล่าวนี้มีการพูดกันในครม.ว่าที่สุดแล้วยังอยากจะให้ยืดหยุ่นต่อไป
นายวัชระ กล่าวอีกว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับครม. หน่วยงาน และกระทรวงที่เกี่ยวข้องว่า อยากให้ดูตัวเลขและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้คึกคักยิ่งกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสาระสำคัญของเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงการไทยเข้มแข็งนั้น ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของโครงการถนนไร้ฝุ่น ที่ดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคมแต่อย่างใด ซึ่งประชุมครม.มีเพียงการเห็นชอบให้ปรับลดแผนการใช้จ่ายงบฯที่ได้จัดสรรจำนวน 7.5 พันล้านบาท เหลือ 2.965 พันล้านบาท ของโครงการต้นกล้าอาชีพ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการโครงการร่วมกันของหลายหน่วยงาน ดังนั้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) จึงไม่สามารถดำเนินโครงการได้เพียงหน่วยงานเดียว ต้องให้ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการ จึงให้สปน.หารือกับกรมบัญชีกลางซึ่งมีอำนาจหน้าที่จัดทำระบบการเบิกจ่ายเงินฯโดยตรงต่อไป
นอกจากนี้ยังเป็นเพียงการรายงานถึงหน่วยงานที่แจ้งขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการด้วยว่ามีการเสนอเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงานทั้งหมดจะใช้งบประมาณจากการอนุมัติการจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 349,960.4382 ล้านบาท เริ่มจาก 1.กรมชลประทาน ขอแก้ไขการพิมพ์รายชื่อรายการให้ถูกต้องและสมบูรณ์ตามข้อเท็จจริง และปรับปรุงชื่อพื้นที่ให้ถูกต้องตามเขตการปกครอง 2.กรมทางหลวง ขอแก้ไขชื่อระดับจังหวัดจากพื้นที่หน่วยเบิกจ่ายเป็นพื้นที่ดำเนินการ และแก้ไขชื่อรายการให้ถูกต้องและสมบูรณ์ตามข้อเท็จจริง 3.กระทรวงศึกษาธิการขอแก้ไขชื่อรายการให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และแก้ไขรายละเอียดให้ถูกต้องสอดคล้องกับประเภทครุภัณฑ์และรายจ่าย นอกจากนี้ในส่วนของมหาวิทยาลัยนเรศวรและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อขอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินในปีงบฯ 2553-2554 ด้วย
4.โครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ได้แก่จังหวัดระยอง ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินครุภัณฑ์ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงภายใต้รายการและวงเงินโครงการเดิม ส่วนจังหวัดนนทบุรีขอปรับลดเป้าหมายในการดำเนินโครงการภายใต้วงเงินเดิมตามราคามาตรฐานและราคากลาง นอกจากนี้ในส่วนของกลุ่มจังหวัดยังขอแก้ไขรายการซ้ำซ้อนกับรายการที่หน่วยงานอื่นได้รับการจัดสรรแล้ว 5.กระทรวงวัฒนธรรม ขอปรับเปลี่ยนรายละเอียด 2 โครงการ คือ โครงการลานบุญลานปัญญา และโครงการเทศกาลศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์
“ในการปรับแผนของไทยเข้มแข็ง รมว.คลังเป็นผู้รายงานให้ครม.ทราบ และในการปรับแผนไม่ได้พูดถึงโครงการถนนไร้ฝุ่นของกรมทางหลวงชนบท ที่มีข่าวว่านายไตรรงค์ จะปรับลดโครงการถนนไร้ฝุ่นแต่อย่างใด มีเพียงการปรับเปลี่ยนชื่อและแก้ไขคำผิดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น” แหล่งข่าวในที่ประชุมครม. กล่าว
นอกจากนี้นายศุภชัย ยังแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอีกว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่..) พ.ศ….ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป โดยปรับปรุงเกี่ยวกับกระบวนการเข้าชื่อและกำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิด
ทั้งนี้ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งว่าด้วยการละเมิดอำนาจปกครองเด็กพ.ศ….ตาม ที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายในเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศว่าด้วย การละเมิดอำนาจปกครองเด็ก ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการปกป้องคุ้มครองเด็กให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจาก การเคลื่อนย้ายหรือหน่วงเหนี่ยวโดยมิชอบและส่งคืนเด็กกลับคืนสู่ประเทศซึ่ง เป็นถิ่นที่อยู่โดยปกติโดยเร็ว รวมทั้งรับรองรับรอง ให้มีการคุ้มครองสิทธิที่จะได้พบและเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกันจึงจำเป็นต้อง มีกฎหมายให้อำนาจหน่วยราชการในการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศใน การติดตามสืบหาแหล่งที่อยู่ของเด็ก เพื่อจัดให้มีการส่งคืนเด็ก รวมทั้งกำหนดกระบวนการทางศาลและฝ่ายปกครองในการส่งคืนเด็กตามวิธีการและ เงื่อนไขที่กำหนดในอนุสัญญา ประกอบกับประเทศไทยก็ได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว