“วอลเปเปอร์” เชื่อ ตร.รวบมือปาอึได้ รับกล้องบ้านนายกฯ สุดห่วย

“ศิริโชค” มั่นใจตำรวจจับมือปาอุนจิได้แน่ ชี้กล้องเรียลิตีบ้านนายกฯ สุดห่วย น่าปรับปรุง คาดคนทำหวังสร้างสถานการณ์ ไม่เกี่ยวย้ายตำรวจนครบาล หรือโยกตำรวจท้องที่ แนะเพิ่มการรักษาความปลอดภัย

วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และเลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะจับกุมผู้ขว้างปาวัตถุไม่พึงประสงค์เข้าบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ แต่หลังจากนี้ควรจะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยบุคคลระดับสูงเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะบ้านพักนายกฯ ควรปรับปรุงด้านเทคโนโลยี เพราะสังเกตว่ากล้องซีซีทีวีประจำบ้านนายกฯ ไม่ค่อยทันสมัย แม้จะมีการบันทึกภาพบุคคลต้องสงสัยได้ แต่เมื่อตรวจดูป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์กลับมองเห็นทะเบียนไม่ชัด ปัญหาหนึ่งมาจากกล้องที่ไม่ทันสมัย

นายศิริโชคกล่าวต่อว่า มีเปอร์เซนต์น้อยมากว่าจะเกี่ยวข้องกับความไม่พอใจในการโยกย้ายนายตำรวจระดับนครบาล เพราะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง คือ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งท่านเป็นคนตรงไปตรงมา ใครขออะไรไม่ได้ ยึดหลักความถูกต้อง ซึ่งแน่นอนการโยกย้ายย่อมมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจจึงไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นเรื่องโยกย้ายภายใน สน.ทองหล่อ ก็ยิ่งไม่น่าใช่ เพราะการดูแลความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบของ สน.ทองหล่อโดยตรง แต่เป็นทีมรักษาความปลอดภัยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศรภ. จัดกำลังคุ้มกันดูแล โดยสน.ทองหล่อ เป็นส่วนหนึ่งในการสนธิกำลังเท่านั้นเอง

“ดังนั้นเ หตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องของการสร้างสถานการณ์จากบุคคลฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมากกว่า และประเด็นเสื้อแดงเคลื่อนไหวก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการพิจารณา ทั้งนี้บุคคลที่เป็นผู้นำประเทศ มักเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ประจำ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ใช่เพิ่งเจอครั้งนี้ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการขว้างปาวัตถุสิ่งของเข้ามา 3-4 ครั้ง มีการลอบทำร้ายในช่วงเหตุการณ์เดือนเมษายน แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ คุณชวน หลีกภัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายสมัคร สุนทรเวช ก็เคยเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ต่างประเทศก็มี” เลขานุการส่วนตัวนายกฯ กล่าว

นายศิริโชคกล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้หวั่นเกรง เพราะเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้ในช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วก็ผ่านมาแล้ว เพียงแต่คงต้องเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะหารือกัน

“การข่าวเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราก็ทราบดีว่าช่วงเดือนก.พ.จะมีสถานการณ์ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆต้องเตรียม แผนรับมือ อย่างช่วงเดือนเม.ย. นายกฯ ก็ต้องเจอคำขู่เอาชีวิต ต้องย้ายไปบัญชาการสถาการณ์ในที่แห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับภรรยาของท่านก็ถูกขู่เอาชีวิต ก็ต้องย้ายออกไปจากบ้านพักไปอยู่เซฟเฮาส์” นายศิริโชคกล่าว