“ชุมพล” ยันชาติไทยพัฒนาไม่มีรอยร้าวประชาธิปัตย์ ถามแตกแยกแล้วได้อะไร ชี้ไม่มีเหตุผลจะยุบสภาจากปัญหาแก้รัฐธรรมนูญ อ้างยอมเสียประโยชน์แก้ประเด็นเลือกตั้ง งงนักวิชาการร่วมแก้หายไปไหนหมด หวังดีแทนเพื่อน เตือน ปชป.ระวังรอยร้าวภายในบานปลายเหมือนกลุ่ม 10 มกรา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายชุมพล ศิลปอาชา ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคประชาธิปัตย์จะเกิดรอยร้าวกันว่า ไม่มี ชาติไทยพัฒนามีจุดยืนอยู่แล้วแก้รัฐธรรมนูญก็คือรัฐธรรมนูญ เรื่องรัฐบาลก็คือรัฐบาล เราแยกออกจากกันไม่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ส่วนข้อวิพากษ์ต่างหรือแสดงความคิดเห็นเนื่องจากสะเทือนใจก็เป็นอีกเรื่อง ของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรเลย เมื่อถามว่ามติของพรรคประชาธิปัตย์สร้างความไม่สบายใจให้กับพรรคร่วมรัฐบาล นายชุมพลกล่าวว่า เป็นเรื่องรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำความเข้าใจกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล นายชุมพลกล่าวว่า เป็นเรื่องการเมืองแล้วไม่ต้องเกี่ยวข้องกันแล้ว แต่ความรู้สึกของบางคนที่เห็นว่าสะเทือนใจก็ไปว่ากันเอง ธรรมชาติพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าเกิดความแคลงใจกัน นายชุมพลกล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องแคลงกัน แคลงไปแคลงมาเรือก็ล่มทั้งโคลง
“ผมยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนายังสามารถทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะเราต้องแยกให้ออกระหว่างการทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลกับเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายชุมพลกล่าว
เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯก็ไม่ค่อยจะเข้าใจกัน นายชุมพลกล่าวว่า เป็นเรื่องภายในพรรคเขา ตนเป็นห่วงอย่างเดียวอย่าให้มันบายปลายถึงขั้นมีกลุ่ม 26 ม.ค.53 ขึ้นมาเหมือนสมัยที่มีกลุ่ม 10 มกรา เท่านั้น เป็นห่วงแทนเขา พวกเราไม่มีปัญหาอะไร ได้ไม่ได้ ไม่ได้ก็ตกไป เรายังมีเวลาเหลือตั้งปีกว่า สภาชุดนี้จบไป สภาชุดหน้าก็มีโอกาสแก้ไข สิ่งที่ถูกต้องและดีก็เดินหน้าต่อ ถอยไม่ได้ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะอยู่ถึงปีกว่าหรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า แล้วแต่จะอยู่ถึงหรือไม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงที่อยู่ก็ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ สภาชุดหน้ายังทำได้อีก พรรคชาติไทยพัฒนาก็ไม่ทิ้งจะต้องทำอีก
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนายอมรับหรือไม่ถ้าอะไรจะเกิดขึ้น นายชุมพลกล่าวว่า ดูแล้วบรรยากาศไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น นายกฯ ก็พูดชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามว่าเชื่อได้หรือว่ายุบสภาหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายชุมพลกล่าวว่า ยุบสภาเพราะเหตุแก้รัฐธรรมนูญไม่มีเหตุผล การยุบสภามีเหตุคือการขัดแย้งกัน เสียงรัฐบาลไม่เพียงพอ และเห็นว่าถ้ายุบสภาตอนนี้แล้วได้เปรียบจากการเลือกตั้งเขาก็จะยุบ เมื่อถามว่าหากเป็นความแตกแยกภายในพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า แตกแยกได้อะไร จับมือกันดี ตอนนี้ก็เอามติไปให้ดูกันแล้ว เมื่อถามว่าหากเสียงรัฐบาลไม่พอ นายชุมพลกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เวลานี้หยุดแค่การยื่นญัตติก่อน ต้องทำสังคมให้เข้าใจก่อนว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้เพราะมีพื้นฐานมาจาก การปฏิวัติ เพราะไม่ได้ทำประชาพิจารณ์เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 แต่รัฐธรรมนูญปี 50 รื้อมาตั้งแต่เสาเอก รื้อทั้งหลังคา จึงยุ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แก้แค่ 2 มาตราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร นายชุมพลกล่าวว่า ได้เยอะแยะเลย เราต้องมองข้างหน้าอย่ามองปัจจุบัน อย่าเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นตัวตั้ง เรื่องนี้ตัวผมเสียผลประโยชน์ตัวเองด้วยถ้าเขตละคน ถ้าลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีไม่ได้ลงพื้นที่ด้วย แต่มีคนอุ้มมา ถ้าเขตละคนอุ้มตัวเองแล้วอุ้มไหวหรือไม่ ถามว่าทำไมตัวเองยอมเสียเปรียบ เพราะว่านี่คืออนาคตของของประเทศ นักวิชาการที่ร่วมทำประชาพิจารณ์กับตนไม่เห็นออกมาเลย หายไปไหนหมด ทำกันตั้งแต่สมัย รสช.ทั้ง 25 ประเด็น ตกผลึกกันหมดแล้ว แต่ปี 50 ไม่ได้ตกผลึกไปเอาของเก่ากลับมาใช้อีก และเขตละคนใช้ครั้งเดียว ยังไม่ได้ทดลองสักพักหนึ่งก่อน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่ม 10 มกรา ตามที่นายชุมพลกล่าวถึงนี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2531 ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กว่า 40 คน นำโดย นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ อดีตรองหัวหน้าพรรค นายวีระ มุสิกพงศ์ ยกทีมลาออกแยกตัวออกไปตั้งกลุ่มของตัวเอง เพราะไม่พอใจผลการคัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี จนในที่สุดก็เกิดการยุบสภาในเวลาต่อมา