xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก กมม.จี้ทหารเลิกเป็นกลาง - “พล.อ.กิตติศักดิ์” เชื่อเงินบีบ “แม้ว” สู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โฆษก กมม.” จี้ทหารเลิกเป็นกลาง!! ออกหน้ากำจัดจุดอ่อนแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ชี้ ถึงเวลากองทัพเปรียบตัวเองดั่งศาล เลือกข้างถูกต้อง ขณะที่ “อดีตองครักษ์” แฉสมัยระบอบทักษิณ “ทหารทรพี” ป้องตระกูลชินฯ ปีนี้จึงไม่มีพิธีสวนสนามฯ เชื่อ “นช.แม้ว” สู้แล้วจน!! ทวงเงิน 7.6 หมื่นล้านคืน 


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว” 
 
วานนี้ (28 ม.ค.) รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เชิญวิทยากร พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตนายทหารราชองครักษ์เวร และพล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยรวมถึงวิเคราะห์บทบาททหารต่อวิกฤตการเมืองในปัจจุบัน

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงวิกฤตบ้านเมืองครั้งนี้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของประเทศต้องเข้าใจก่อนว่า วิกฤตครั้งนี้เป็นวิกฤตความมั่นคงของชาติ ดังนั้น ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องกำหนดยุทธศาสตร์แก้ปัญหา โดยตนมองว่าการทำหน้าที่ของรัฐบาลเกี่ยวกับการดูแลรักษาความมั่นคง โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ตนไม่แน่ใจว่า นายสุเทพ เข้าใจปัญหาประเทศตอนนี้ดีหรือไม่ แต่ตนคิดว่าคงไม่เข้าใจ เพราะจนถึงตอนนี้ นายสุเทพก็ยังมองปัญหาความมั่นคงของรัฐบาลสำคัญกว่า จึงมัวแต่คอยตามใจพรรคร่วมรัฐบาล

“เขามองเพียงความมั่นคงในสภา แต่ไม่ได้มองว่าเป็นวิกฤตของชาติ โดยเรื่องนี้ถ้าหากมองเห็นสมการดุลอำนาจว่าสถานการณ์ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างไร เวลานี้เขากำหนดยุทธการรบทั้งในและนอกสภา ในขณะที่นายสุเทพ มองปัญหาความมั่นคงอยู่แค่ในสภาเท่านั้น ดังนั้นตัว คุณสุเทพ ไม่เคยดูตัวละครอื่นเลยว่าเล่นกันไปถึงไหนแล้ว” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวต่อว่า ในสมการอำนาจ นอกจากจะมีการขับเคลื่อนพันธมิตรฯ หรือกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งบุคคลไม่มีสีเสื้อแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือ กองทัพ แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความเป็นกลุ่มที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกลุ่มอำนาจใหม่ โดยตนเชื่อว่าในกองทัพยังมีคนอีกกลุ่มที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ฉะนั้น คนพวกนี้จะแสดงตัวออกหน้าเมื่อประเทศเกิดวิกฤต

“หากผู้มีอำนาจทั้งหลาย มองข้ามสมการอำนาจที่เป็นทหารที่มีความจงรักภักดี ท่านจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ท่านอย่าไปคิดว่า กองทัพทุกส่วนจะอยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มอำนาจใหม่ ซึ่งผมว่าไม่ใช่ อย่างกรณี ผบ.หน่วย ที่ตบเท้าออกมาปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ ผมคิดว่าไม่ใช่ แต่เป็นทหารที่รักเกียรติ รักศักดิ์ศรีของกองทัพมากกว่า โดยถ้าหาก พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. ก็คงไม่ได้มีใครปกป้อง” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวอีกว่า พลังอำนาจทั้งในสภาและนอกสภา หากมีการขับเคลื่อนมวลชนหนุน 2 ปัจจัยดังกล่าวยังไม่ใช่ตัวชี้ขาดว่าจะสามารถพลิกวิกฤตได้ ซึ่งเวลานี้กองทัพได้เวลาต้องปรับบทบาทตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ดังนั้น จะออกมาบอกว่ากองทัพต้องเป็นกลางไม่ได้ เพราะเรื่องการเมืองไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

“ถ้าในสถานการณ์ปกติ กองทัพเป็นกลางได้ แต่ถ้าสถานการณ์ไม่ปกติ กองทัพจะเป็นกลางไม่ได้ ก็เปรียบเหมือน ศาลคงไว้ซึ่งความยุติธรรม ดังน้น ก่อนพิพากษาคดี ศาลจะวางตัวเป็นกลาง แต่เมื่อถึงจุดวิกฤตแล้ว ศาลต้องตัดสินตามหลักฐานว่าใครผิดใครถูก ตอนนี้ใครจะปฏิเสธบ้างว่า สถานการณ์ยังปกติอยู่ ฉะนั้น กองทัพต้องทำตัวเหมือนศาล ตัดสินได้ว่าใครทำถูก ใครทำผิด ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้หมายความว่า ให้กองทัพเป็นที่พึ่งของรัฐบาลด้วยการปฏิวัติ แต่หมายถึงทางออกอื่นๆ” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤต เนื่องจาก ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายไว้แล้ว คือ วันที่ 26 ก.พ. ดังนั้น เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามทุกรูปแบบและสู้ทุกวิถีทาง เพื่อดิ้นรนรักษาเงินก้อนนี้ให้อยู่กับตัวเอง ซึ่งข่าวตอนนี้ เท่าที่ทราบคือ นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะสติแตกแล้ว ยังถังแตกอีกด้วย หลังจากที่เงินสดไม่พอหมุน เพราะสู้มาตั้งแต่ปี 2548 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ฉะนั้น ในเมื่อมีคนเคยบอกว่า ประเทศเปรียบเหมือนบ้าน ทหารคือรั้ว ตอนนี้ทหารต้องดูตัวเองว่าเป็นรั้วที่ผุพังหรือไม่

“อย่างน้อยที่สุดมาช้าดีกว่าไม่มา แต่ถ้าจะให้พูดถึงปกติแล้วทุกปีจะมีพิธีสวนสนามรักษาพระองค์ แต่ทำไมปีที่ผ่านมาถึงไม่มี เพราะว่ามันเกิดความผิดพลาด สมัยรัฐบาลระบอบทักษิณ มีนายทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งกระโดดออกมาปกป้องราชวงศ์ชินฯ ดังนั้น ผีร้ายจึงเข้าสิงในความคิดและจิตใจ ทำให้ทหารบางคนพฤติกรรมเปลี่ยนไป” พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวประเด็นเดียวกันว่า ตนอยากถามว่าสถานการณ์ตอนนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร จะออกมาบอกว่า กองทัพจะพยายามตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ตนว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น เพราะขณะนี้กองทัพน่าจะวิเคราะห์ได้แล้วว่าใครคือสาเหตุของวิกฤต และคนไหนดีหรือไม่ดี ตนจึงอยากเห็นยุทธศาสตร์กองทัพเดินควบคู่ไปกับรัฐบาล โดยน้อมนำพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประกอบความคิด

“โอกาสที่จะเกิดปฏิวัติรัฐประหารมีมากหรือน้อย เราต้องไปมองว่าปฏิวัติรัฐประหารกระทำได้โดยใคร 1.กองทัพ และ2.ประชาชน พอมองไปถึงกองทัพ ไม่ว่าด้วยคุณสมบัติผู้นำ หรือสายสัมพันธ์ต่างๆ แนวโน้มจะมีปฏิวัติโดยทหารแทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้น ต้องมองต่อไปว่า หากทหารไม่ปฏิวัติ จะมีเหตุอะไรจูงใจให้ทหารปฏิวัติบ้าง ก็เหลืออยู่เหตุผลเดียวคือ รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แล้วเรื่องนี้ก็ต้องถามต่อว่า ใครมีศักยภาพมากพอจะทำให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทุกคนรู้คำตอบดีว่า หนีไม่พ้นกลุ่มคนเสื้อแดงในบัญชาการของ พ.ต.ท.ทักษิณ” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวอีกว่า หากจะถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะใช้ความรุนแรงสำเร็จบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ตนตอบได้เลยว่า ไม่สำเร็จแน่นอน แต่กลุ่มคนพวกนี้ต้องการสร้างความรุนแรงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้าสู่อำนาจรัฐอีกครั้ง

“ผมดูจากศักยภาพทหารตอนนี้ ผมเตือนคนเสื้อแดงว่าถ้าออกมาสร้างความรุนแรง คุณเองจะได้รับบทเรียนมากกว่าตอนเดือนเมษาฯ แต่เมื่อบวก ลบ คูณ หารดูแล้ว เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กล้าสั่งคนเสื้อแดงปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง เนื่องจาก ช่วงเดือนเมษาฯ สังคมเห็นแล้วว่าหากรุนแรงจะไม่ได้รับการยอมรับ” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว
น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์
พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์
พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น