สิ่งที่ ทักษิณ กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้เป็นแค่คำพูดของนักปลุกระดมที่เห็นแก่ตัวและขี้ขลาดคนหนึ่งที่ต้องการเห็นแผ่นดินเกิดของตัวเองมีความฉิบหาย หลังจากที่ตัวเองไม่สามารถแสวงหาประโยชน์ได้แล้วเท่านั้น ไม่เคยคำนึงถึงความปลอดภัยแม้กระทั่งของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน หรือแม้แต่คนไทยคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
นาทีนี้หากพิจารณาจากอารมณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร คงจะอยู่ในอาการที่ใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที หลังจากเป้าหมายที่วางไว้ล่วงหน้า เริ่มห่างไกลออกไปเรื่อย ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งทรัพย์สินก้อนใหญ่จำนวน 76,000 ล้านบาทกำลังจะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยชี้ขาดในบ่ายวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
เชื่อว่าคนอย่างทักษิณคงจะรู้ดีว่าข้อสรุปของคดีจะเป็นอย่างไร ในใจตัวเองคงรู้ดีว่าเงินจำนวนดังกล่าวโกงบ้านโกงเมือง หรืองอกเงยมาจากการทุจริตเชิงนโยบาย หรือ “สองมาตรฐาน” อย่างที่พยายามสร้างกระแสอยู่ในเวลานี้หรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างเจ้าตัวจะรู้ดีที่สุด แม้จะหลอกคนอื่นอย่างไรก็ตาม
อาการที่อยู่ไม่เป็นสุขของ ทักษิณ ในช่วงสองสามสัปดาห์ผ่านมาเปรียบเหมือนคนสติแตกเข้าไปทุกที
หากสังเกตให้ดีในระยะหลังไม่ว่าจะเป็นการโฟนอิน หรือวิดีโอลิงก์มาในเวทีของกลุ่มคนเสื้อแดงแทบทุกเรื่องนอกเหนือจากการปลุกระดมแล้ว ยังหยิบยกเอาเรื่องที่บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือโกหก มาอ้างกันอย่างหน้าตาเฉย ที่เห็นได้ชัด ล่าสุดก็คือเรื่องที่ระบุว่าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้รับเงินสินบนนับหมื่นล้านบาทหากศาลยึดทรัพย์ของเขาจำนวน 76,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีข้อกฎหมายใดเปิดช่องให้ทำได้
แต่ทักษิณ และทนายความส่วนตัวก็พยายามพูดบิดเบือน หรือกล่าวแบบครึ่งเดียวทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องเข้าใจผิด เหมือนกับการสร้างเรื่องให้เห็นว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแกอะไรประมาณนี้
สำหรับประเด็นที่ ทักษิณ ใช้กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังปลุกระดมอยู่ในเวลานี้ก็คือเรื่อง “สองมาตรฐาน” เช่น กรณีถือครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนโดยมิชอบของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ บนเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา และการกดดันให้ตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งบนเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เพื่อต้องการกระทบชิ่งไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งหลายฝ่ายก็เห็นด้วยว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง เพราะเป็นการปกป้องพื้นที่ป่า ทำหน้าที่เป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ขณะเดียวกันกลับกลายเป็นว่าสังคมก็ยังเคลือบแคลงใจว่าทำไมกลุ่มคนของ ทักษิณ ทำไมไม่ไปตรวจสอบพื้นที่อื่นๆที่นายทุนครอบครองเอาไว้โดยไม่ชอบ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่นที่ สนามกอล์ฟอัลไพน์ พื้นที่วังน้ำเขียว บนเขาใหญ่เช่นที่โบนันซ่า หรือแม้แต่เกาะช้าง รวมไปถึงที่ดินอำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ จ.กาญจนบุรี เป็นต้น
กลุ่มทักษิณต้องดำเนินการเหมือนกันหมด อย่าเลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐานอย่างที่กลุ่มตัวเองพยายามยัดเยียดกล่าวหาคนอื่นแบบส่งเดช
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริง กลุ่มคนของทักษิณ ดังกล่าวใช้กรณีการถือครองที่ดินดังกล่าวเพื่อเจตนาบิดเบือนและปลุกระดมให้ชาวบ้านหลงเชื่อว่า มีการปฏิบัติต่อ “อภิสิทธิ์ชน” อีกอย่างหนึ่ง ขณะที่กับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ กับทักษิณ อีกแบบหนึ่ง และยิ่งใกล้วันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ก็ยิ่งโหมสร้างกระแสดังกล่าวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร ถึงขนาดขู่ว่าอาจจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในต่างประเทศหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในช่วงก่อนหรือหลังการชุมนุมใหญ่ของพวกเขาในเดือนหน้า ทั้งที่ในข้อเท็จจริงหากมีการรัฐประหารจริงก็น่าจะเป็นการรัฐประหารรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมากกว่า ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่ง ทักษิณ อาจจะได้ประโยชน์ด้วยซ้ำไป เพราะสามารถวิ่งเต้นต่อรองให้มีการนิรโทษกรรมให้กับตัวเองได้ทุกเรื่อง
แต่ปัญหาก็คือ การรัฐประหารมันเกิดขึ้นยาก แม้ว่าในช่วงสั้นๆอาจทำสำเร็จแต่ไม่มีทางได้รับการยอมรับ คณะทหารที่ทำก็มีแต่จะฆ่าตัวตายเท่านั้น เพราะไม่มีใครเอาด้วย เพราะถือว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) น่าจะสร้างความฉิบหายให้บ้านเมืองเป็นคณะสุดท้ายแล้ว
การประกาศจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของ ทักษิณ นอกจากไม่ถูกกาลเทศะแล้ว ยังเป็นการพูดที่เลอะเทอะหาตรรกะความจริงไม่ได้เลย เพราะเวลานี้บรรยากาศและการยอมรับต่อ ทักษิณ เริ่มลดน้อยถอยลง หากเปรียบกับในช่วงที่เกิดรัฐหาร 19 ก.ย.49 ถือว่าต่างกันลิบลับ ขณะที่ต่างประเทศนาทีนี้ก็น่าจะมีเพียงกัมพูชาของ ฮุนเซน เท่านั้น ที่ยังแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ร่วมกันอยู่เท่านั้น ส่วนประเทศที่เจริญแล้วอื่นๆไม่มีใครเอาด้วย บางประเทศถึงกับห้ามเหยียบแผ่นดินด้วยซ้ำไป
ดังนั้น สิ่งที่ ทักษิณ กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้เป็นแค่คำพูดของนักปลุกระดมที่เห็นแก่ตัวและขี้ขลาดคนหนึ่งที่ต้องการเห็นแผ่นดินเกิดของตัวเองมีความฉิบหาย หลังจากที่ตัวเองไม่สามารถแสวงหาประโยชน์ได้แล้วเท่านั้น ไม่เคยคำนึงถึงความปลอดภัยแม้กระทั่งของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน หรือแม้แต่คนไทยคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
เป็นอาการของคนที่มีลักษณะคลุ้มคลั่งจนเพี้ยนแบบสติแตก กำลังจับประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองในสิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น!!