ทนายนักโทษหนีคดีดาหน้าป้องเงิน “พ่อแม้ว” - “วิชิต” ปูดเมียคนรองคนทำรัฐประหาร 19 กันยา โม้เพื่อนบ้านกำลังจะรวยเละ พูดดักทางศาลยึด 76,000 ล้าน “ประเกียรติ” ใส่ความ คตส.มีเจตนาซ่อนเร้นเงินสินบน 25%
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกมาแสดงความเห็นถึงแนวทางคำพิพากษาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจจะตัดสินในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนายวิชิตกล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า อดีต คตส.ที่ตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนแต่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองและแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงแม้อดีต คตส.จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้วแต่ยังแสดงความคิดเห็นชี้นำสังคมให้คล้อยตาม อาจจะมีแรงจูงใจเรื่องสินบนนำจับ 25% หรือไม่
นายวิชิตกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส.ออกมายืนยันว่าไม่มีอดีต คตส.คนใดได้เงินส่วนแบ่งนั้น ขอถามกลับว่า หากเป็นเช่นนั้นจะออกระเบียบเรื่องเงินสินบนมาเพื่ออะไร และคนที่ร่วมอยู่ในคณะรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 คือ ผู้ที่ได้รับส่วนแบ่ง 25% ใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนทราบข่าวมาว่า มีภรรยาคนที่ 2 และ 3 ของผู้กระทำการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 บางคนได้ไปโม้กับเพื่อนบ้านว่ากำลังจะรวยแล้ว แสดงให้เห็นว่า คมช.เป็นไอ้โม่งที่จะเข้ามารับสินบน 25% ด้วยใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่ากลุ่มอำมาตย์ได้ตั้งธงไว้แล้วว่าจะยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาททั้งหมด ดังนั้นจึงได้แต่ภาวนาว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินอย่างเป็นธรรมตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
ด้าน นายประเกียรติกล่าวว่า การที่อดีตคตส.ออกมาระบุในทำนองชี้นำว่าจะต้องยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของกระบวนการยุติธรรม เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลอย่างชัดเจน อีกทั้งการที่อดีต คตส.กล้าพูดเช่นนี้เพราะอาจมีเจตนาที่นำไปสู่ผลประโยชน์ ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยการจ่ายสินบน ในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ คตส.พ.ศ.2549 เรื่องการให้สินบน 25% ของทรัพย์สินทั้งหมดด้วยหรือไม่ เพราะหากศาลตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทจริงก็จะได้ส่วนแบ่งถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเจตนาแอบแฝงและซ่อนเร้นของ คตส.