“เรืองไกร” ส่งข้อมูลเพิ่มเติมกรณีนายกฯ ส่ง SMS ถึงมือ ป.ป.ช. แฉมีคนกระซิบอาจตัดสินบกพร่องโดยสุจริต เหมือนอัยการสั่งไม่ฟ้อง “สุรยุทธ์” กรณีเขายายเที่ยง จี้อย่า 2 มาตรฐาน
วันนี้ (18 ม.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือถึงนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งข้อมูลเพิ่มเติมประกอบคำร้องขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐนตรี กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการส่งข้อความ SMS ตามที่ได้ยื่นเรื่องไปตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.2552 ซึ่งตนยังคงติดตามผลการตรวจสอบที่จะออกมา ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อ ป.ป.ช.เสมอมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.จะตั้งมั่นบนความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติหรือประวิงเวลาแต่อย่างใด ในครั้งนี้ด้วยความเชื่อมั่นที่ยังคงมีอยู่
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ตนได้พบเอกสารเกี่ยวกับ SMS ของบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบตามคำร้อง จึงขอส่งสำเนาเอกสารในการเสนอราคาเกี่ยวกับการคิดค่าบริการ SMS มาให้ ป.ป.ช.ได้ใช้ประกอบการตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ เอกสารนี้เป็นใบเสนอราคาของบริษัทเอกชนรายหนึ่งใน 3 บริษัท ที่เสนอส่ง SMS ให้กับนายกฯ ที่คิดราคาในการส่งให้ 300,000 หมายเลขในครั้งเดียวกัน เป็นราคารวม 150,000 บาท ดังนั้น การส่ง SMS ของนายกฯ ในครั้งนี้รวม 3 บริษัท จำนวน 17 ล้านเครื่อง ก็สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้ว่ารวมจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงการคำนวณจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทด้วย ซึ่งทาง ป.ป.ช.สามารถเรียกเอกสารเหล่านี้ได้จาก 3 บริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นบริษัทมหาชนมาพิจารณาได้
“ในช่วงประมาณเดือน ต.ค.2552 มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมแล้วบอกว่าเป็นคนของ ป.ป.ช. ขอแจ้งให้ผมทราบว่า กรณี SMS นั้นคงจะมีการหาทางออกไปในทางที่มีการกระทำจริงแต่จะไม่ผิดเพราะไม่จงใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามต่อเนื่องจากกำลังเดินคุยโทรศัพท์อยู่ และไม่เคยคิดว่า ป.ป.ช.จะไม่มีความยุติธรรม จึงไม่ได้สนใจคำกล่าวเช่นนั้นและมิได้จดจำว่าคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร อีกทั้งยังจำวันที่และเวลาไม่ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม กรณี SMS ของนายกฯ ยังสามารถเทียบเคียงได้กับกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเจตนา ผมจึงเห็นว่า ป.ป.ช.อาจพิจารณาว่าการส่งเอสเอ็มเอสของนายอภิสิทธิ์ อาจเหมือนกรณีดังกล่าว ทั้งที่เป็นการกระทำที่สำเร็จแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช.ควรพิจารณาคดีดังกล่าวด้วย เพราะได้ยินมาว่าอาจมีการพิจารณาว่ามีการทำจริง แต่ไม่มีเจตนา ดังนั้น หาก ป.ป.ช.ต้องการพิสูจน์ว่าไม่เลือกปฏิบัติหรือ 2 มาตรฐานก็ควรเร่งพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะจะ 2 ปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้าเลย” นายเรืองไกรกล่าว