xs
xsm
sm
md
lg

พท.บุก ป.ป.ช.ร้องฟัน “สุเทพ” ตั้ง “สัณฐาน” เจ้าตัวยักไหล่ยันทำถูกแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายวิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัตน์แห่งประเทศไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.
“เด็จพี่” นำทีมบุก ป.ป.ช.ร้องฟัน “สุเทพ” ตั้ง “สัณฐาน” นั่ง ผบช.น.ผิด ม.157 เจ้าตัวบอกไม่แปลกใจเพราะเพื่อแม้วชอบตั้งข้อหารายวัน ยันโยกมานั่งนครบาลไม่ได้เลื่อนยศ ชี้คดีท่อก๊าซยังไม่สิ้นสุด และไม่ได้ถูก ป.ป.ช.สั่งลงโทษ ก็ปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ บอกนั่งรองนายกฯ มั่นคงก็ต้องใกล้ชิดตำรวจเป็นปกติ งง “ปณิธาน” พูดสั่งรื้อคดีชายแดนใต้ทั้งหมดให้ “ธานี” ทำ



วันนี้ (18 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัตน์แห่งประเทศไทย เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อกล่าวโทษ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา กรณีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพราะเป็นคนใกล้ชิดกับนายสุเทพ ทั้งที่ พล.ต.ท.สัณฐาน เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ถูกฟ้องร้องคดีอาญา กรณีสลายการชุมนุมของผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา

“สุเทพ” ยักไหล่ ยันทำถูกแล้ว ชี้ไม่แปลก พท.จ่อหาเรื่องเล่นทุกวัน

ขณะที่ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเป็นเรื่องปกติ พรรคเพื่อไทยตั้งข้อหาตนเป็นรายวันอยู่แล้ว แต่กรณีของการโยกย้าย พล.ต.ท.สัณฐาน มาเป็น ผบช.น.นั้นไม่ถือเป็นการเลื่อนยศ เพราะ พล.ต.ท.สัณฐาน เป็น ผบช.น.อยู่แล้ว เมื่อมีการโยกย้ายก็ย้ายมาที่นครบาล ตำแหน่งเดิม ยศเท่าเดิม ไม่ได้พิจารณาอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้นการที่กล่าวว่ามีไปแต่งตั้งขึ้นมานั้นไม่ใช่

“ความจริงกรณีของ พล.ต.ท.สัณฐาน นั้นเป็นกรณีที่ถูกประชาชนฟ้องในสมัยที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการชุมนุมเรื่องท่อก๊าซที่สงขลา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม และคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามปกติเรื่องของเขา ไม่ได้ไปถึง ป.ป.ช.หรือถูกสั่งลงโทษอะไร ดังนั้นเขาก็ยังเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ สตช.จะโยกย้ายให้ไปทำหน้าที่ที่ตรงไหนก็ต้องไป” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่าการที่ย้ายมาอยู่ใน ผบช.น.ดูเหมือนมีอำนาจมากขึ้น นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น คิดว่าแล้วแต่ว่า สตช. เห็นว่าใครมีความเหมาะสมที่จะไปทำงานตรงไหน อย่างไร ส่วนที่กล่าวว่าเป็นคนใกล้ชิดกับตนนั้น ตนมองว่าคนที่เป็นตำรวจก็ทราบดีอยู่ว่าเป็นอย่างไร ตนก็ต้องใกล้ชิดกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เพราะต้องทำหน้าที่ดูแลการบริหารงานของตำรวจแต่ว่าก่อนหน้านี้มีความรู้จักมักคุ้นกับตำรวจไม่กี่คนแต่เมื่อทำหน้าที่ไปก็รู้จักมากขึ้น

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงยังกล่าวถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ออกมากล่าวว่า มีการสั่งให้รื้อคดีในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด โดยให้ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกฯ ดูแลทั้งหมดว่า ตนไม่ทราบว่าที่นายปณิธานพูดอย่างนี้หมายความอย่างไร แต่เท่าที่ติดตามกรณีของคดีกรือเซะ หรือคดีตากใบ ก็มีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม คิดว่าเกือบจะครบถ้วน แต่ก็มีบางส่วนที่ประชาชนเป็นโจทก์ฟ้องเองยังมีกันอยู่ ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนคดีทนายสมชาย นีละไพจิตร นั้นตนไม่ทราบมากนักเพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งนานมาก และเห็นว่าทาง สตช.ก็พยายามที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ มีปัญหาอุปสรรคเรื่องของการหาหลักฐานพยานต่างๆ ส่วนการที่นายปณิธานออกมากล่าวเช่นนี้เป็นเพราะต้องการปล่อยข่าวเพื่อหาเสียงหรือเอาใจนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ค่อยมองอะไรในแง่ร้ายคิดว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่เวลาทำหน้าที่ก็อยู่ในสายตาสาธารณชน มักจะรายงานสื่อมวลชนไปเรื่อยๆ นานๆ ไปก็สับสนบ้าง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
กำลังโหลดความคิดเห็น