รายงาน
โดย...แสงตะวัน
เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งกับการเอาจริงเอาจังและตั้งมั่นของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการทำให้คณะรัฐมนตรีของตัวเองใสสะอาด ปราศจากข้อเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องการทำหน้าที่ และไร้เสียงวิจารณ์ในทางลบในเรื่องปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน จนสุดท้ายนำมาสู่การปรับ ครม.มาร์ค 4
แม้จะไม่มีการปรับ ครม.ใหญ่ แต่ก็ควรที่ “อภิสิทธิ์” จะใช้โอกาสนี้จัดระเบียบรัฐมนตรีในรัฐบาล ล้างภาพยี้ไปด้วยเสียเลย
เพราะพบว่ามีจำนวนไม่น้อย ที่สังคมจดจำชื่อแทบไม่ได้ เป็น “รมต.โลกลืม” เพราะไร้ซึ่งผลงาน แถมบางคนยังถูกผู้คนตั้งข้อสงสัยทั้งเรื่อง
การทำงานและเรื่องส่วนตัว
รมต.โลกลืมและเป็นพวกที่เข้าข่ายมีข้อสงสัยถึงสถานภาพ ต้องคิดถึงรัฐมนตรีสาวสวยคนหนึ่งในรัฐบาล นั่นก็คือ รมต.เจ้าของฉายา “เจ้าแม่อาชีวะ”
นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ
ผู้ชอบเรียกตัวเองว่า “อาจารย์กุ้ง” หลังบ้านสุดที่รักของ “ตี๋กร่าง-สุชาติ ตันเจริญ” อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เจ้าของซุ้มการเมืองบ้านริมน้ำอันโด่งดัง
ในการปรับ ครม.ครั้งนี้เดิมมีข่าวว่า “นริศรา” จะถูกโยกสลับจากกระทรวงศึกษาธิการไปสาธารณสุข แต่สุดท้ายเมื่อเจ้าของโควตาเก้าอี้ รมต.อย่าง “สุชาติ” ไม่ยินยอมเพราะรู้ดีว่า สธ.หากไม่แข็งจริง ไปทำอะไรยุ่มย่าม มีสิทธิ์สิ้นชื่อทางการเมืองได้ง่ายๆ เหมือนกับที่วิทยา แก้วภราดัย-มานิต นพอมรบดี เจอมาแล้ว
เลยไม่ยอมให้เมียรัก-นอกสมรสย้ายไปนั่ง สธ.
เลยทำให้บรรดาเหล่า ขรก.ทั้งหลายในหน่วยงานที่ เจ๊กุ้ง บ้านริมน้ำ รับผิดชอบอยู่ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้า และการพัฒนา โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ สำนักงานกองทุนเงินกู้ยืม เพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ต่างพากันลุ้นเปลี่ยนนายใหม่รับปีใหม่ 2553 เหตุเพราะมีข่าวว่าสุดจะทนทานกับพฤติการณ์
“ล้วงลูกทุกรูปแบบ” ของเจ๊กุ้งไม่ไหว พากันผิดหวังที่ต้องทนเห็นหน้าทำงานร่วมกันต่อไป
แต่เสียงร่ำลือที่เกิดขึ้นกับ “นริศรา” ในเรื่องการทำงานลักษณะเช่นนี้ หากไปเล่าให้คนทีโอที ย่านแจ้งวัฒนะฟัง ส่วนใหญ่จะบอกตรงกันว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะก่อนที่เจ๊กุ้งจะมาเป็น รมช.ศธ.แบบบุญหล่นทับ เข้าวินเป็น รมต.โดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไร จนแม้แต่ “อภิสิทธิ์” ก็ยังต้องถามว่า “เธอคือใคร” ตอนที่แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินส่งชื่อไปให้ก่อนจะได้คำตอบว่า
เป็นหลังบ้านสุชาติ ตันเจริญ
ก่อนหน้านี้ “นริศรา” เคยเป็นบอร์ดทีโอที ที่เพื่อแผ่นดินรับผิดชอบอยู่ โดยสมัยนั่งเป็นบอร์ดทีโอที ก็ปรากฏว่าถึงกับเคยถูกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท ทีโอที (สรท.) ออกแถลงการณ์ต่อต้านบอร์ดคนนี้ ด้วยเหตุว่า
ทนไม่ได้กับการแสดงกิริยาก้าวร้าว และใช้วาจาข่มขู่เหยียดหยามฝ่ายบริหารและพนักงานในช่วงการประชุมบอร์ดทีโอที
เป็นเหตุหลังไม่สบอารมณ์ที่การซักถามเรื่องโครงการบรอดแบนด์ 1 ล้านพอร์ต งบประมาณ 3.6 พันล้านบาทไม่ได้ดังใจ
พอมีเสียงนินทา “นริศรา” ในเรื่อง จอมล้วงลูก ที่กระทรวงศึกษาธิการ คนทีโอที เลยไม่แปลกใจด้วยประการฉะนี้
ก็ไม่รู้ว่า เรื่องแบบนี้ อภิสิทธิ์ จะสนใจไหม หรือคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่ฝ่ายการเมืองก็ต้องแสดงอำนาจกดหัวข้าราชการได้ ขอเพียงให้ได้เห็นผลงานก็เพียงพอแล้ว
แต่หลายคนก็ฝากถึง ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ว่าที่ รมว.ศึกษาธิการ ด้วยว่า หากเป็นไปได้ ก็ขอให้ช่วยดูแลสอดส่องการทำงานของรัฐมนตรีร่วมกระทรวงด้วย ว่าจะจัดทัพปรับเปลี่ยนหน่วยงานในความรับผิดชอบกันอย่างไรหรือไม่
เพราะตอนนี้ หลายคนก็เป็นห่วง “อาจารย์กุ้ง” ไม่ใช่น้อย เพราะมีข่าวว่า คนในกระทรวงศธ.ที่เป็นเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่าสายเพื่อไทยเดิม ตั้งแต่ยุค สมชาย วงศ์สวัสดิ์-ศรีเมือง เจริญศิริ ก็กำลังจับตามองการทำงานของ “นริศรา” ทุกฝีก้าวแต่จะถึงขั้นส่งข้อมูลมากพอให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ อันนี้ไม่ยืนยัน แต่ก็ประมาทไม่ได้
เพราะก่อนหน้านี้ “เจ๊กุ้ง” ก็เคยปะทะคารมเดือดกลางห้องประชุมสภาฯ กับ สุนัย จุลพงศธร จากเพื่อไทยในเรื่องงบประมาณในหน่วยงานที่ “นริศรา”รับผิดชอบอยู่ ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 52 และการพิจารณางบไทยเข้มแข็งของ ศธ. ซึ่งหากไม่มีใครในกระทรวง ศธ.เอาข้อมูลไปให้ ฝ่ายค้านคงไม่มีเรื่องมาอภิปรายได้เนื้อได้หนังพอสมควรในเวลานั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณของ ศธ.ปี 52 นริศราก็ถูกอภิปรายพ่วงไปกับ จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.ศึกษาธิการเพราะไปร่วมประชุมวางแผนจัดสรรงบกระทรวงเพื่อนำไปใช้จัดซื้อหนังสือและเครื่องแบบเพื่อแจกจ่ายนักเรียนแพงกว่าเอกชนเกือบเท่าตัว
ทว่าที่เข้าตัว “นริศรา” มากที่สุดก็คือ การอภิปรายของฝ่ายค้านในเรื่อง “การจัดซื้อครุภัณฑ์” ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งเพื่อไทยนำเสนอข้อมูลว่า
มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อเลี่ยงการประมูลไม่ถึง 2 ล้านบาท เป็นจำนวนเงินเท่ากันถึง 404 แห่ง รวม 750 ล้านบาทโดยมีการสั่งการว่า ต้องซื้อของอะไรบ้าง ด้วยการมีหนังสือส่งไปถึงอาชีวศึกษาจังหวัดทุกจังหวัดให้ตอบกลับด่วนภายในวันเดียว ว่าจะเลือกชุดคุรุภัณฑ์ประกอบวิชาชีพแบบใดจาก 3 แบบที่มีให้เลือก หากสถานศึกษาอาชีวะใดไม่เลือกก็จะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้
ถือเป็นความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการฮั้วมาตรา 4, 12 และ13 และเข้าข่ายผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้ามาตรา 27 แต่ “นริศรา” ก็ปัดไปให้ไกลจากตัวเองด้วยว่า เป็นเรื่องเก่าของรัฐบาลพลังประชาชน เธอไม่เกี่ยว
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีข่าวว่า แกนนำเพื่อไทยสั่ง ส.ส.ให้เก็บข้อมูลหลายเรื่องในกระทรวง ศธ.ให้ดี เพราะเชื่อว่าน่าจะมีหลายโครงการที่นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่จะมีถึงตัวเจ๊กุ้ง ณ บ้านริมน้ำ หรือไม่ ล่าสุดยังเฉียดไปเฉียดมาอยู่
นอกจากเรื่องการทำงานแล้ว เรื่อง “ส่วนตัว”ของ “นริศรา” ก็มีประเด็นที่ต้องทำความกระจ่างแจ้งเสียที กับคำนำนามชื่อว่า “นางสาวนริศรา”เพราะรมต.คนนี้ก็บอกเองว่าคบหาเป็นคนใกล้ชิดกับ “สุชาติ” แต่ยังไม่ได้แต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งจริงอยู่ว่า เป็นสิทธิส่วนตัวและเป็นเรื่องส่วนตัวที่หลายคนไม่ควรไปยุ่ง แต่คำโต้แย้งนี้ อาจใช้ได้กับบุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่ “บุคคลสาธารณะ”ซึ่งเป็นรัฐมนตรี ที่ทุกเรื่องต้องถูกตั้งคำถามจากสังคมได้ แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว
แถม “นริศรา” ยังเป็นรัฐมนตรีกระทรวง ศธ.อันถือเป็น “แม่พิมพ์ของชาติ” ที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน และการปฏิบัติตามธรรมเนียมสังคมไทย
เพราะเมื่อทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ก็เห็นชัดเจนว่าเธอได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเป็นหลังบ้านสุชาติ ตันเจริญ ก็ควรทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามครรลองก็จะดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างคลุมเครือแบบนี้
หรือเพราะ รักนี้ ยังไม่มั่นใจ รมต.นกหงษ์หยก เลยยังไม่ยอมเปลี่ยนสถานะภาพ คำนำหน้าตัวเอง อันนี้ คนตอบได้ดีที่สุด คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัว “สุชาติ-นริศรา”