“อนุดิษฐ์” แฉล็อต 2! โต้เมีย “กรณ์” ยันอัปตั๋วบินไทยจริง โชว์หลักฐานการบินครอบครัวเพียบ จ่อร้องกองปราบ-ป.ป.ช.ฟัน จี้ไขก๊อกรัฐมนตรีคลัง เย้ยฟ้องได้ฟ้องไป
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนาวยการสำนักงานปราบโกง พร้อมทั้งทีมงาน เปิดหลักฐานแถลงข่าวตอบโต้ ภายหลังนางวรกร จาติกวณิช ภรรยานายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งความดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหาย 30 ล้านบาทว่า กรณีที่นางวรกรระบุว่าใช้สิทธิการเป็นสมาชิกบัตรทองอัปเกรดที่นั่งนั้น แม่และภรรยาตนรวมทั้งพี่ป้าน้าอาของตนทำงานอยู่ในการบินไทย ทุกคนยืนยันว่าบัตรทองนั้นใช้อัพเกรดที่นั่งไม่ได้ แต่สามารถใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้น ส่วนการใช้การสะสมไมค์เพื่อเลื่อนชั้นการเดินทางนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องทำก่อนการเดินทาง ซึ่งจะมีการออกตั๋วชนิดนั้นๆ ออกมา และจะมีการกำหนดเป็นโค้ดหรือรหัสไว้ในตั๋วด้วย แต่จากหลักฐานที่ตนมีนั้นไม่ได้เลื่อนชั้นการเดินทางด้วยการสะสมไมล์ หรือบัตรทอง ส่วนการใช้กิฟต์วอเชอร์ของบริษัท การบินไทย นั้นสามารถเลื่อนชั้นการเดินทางได้ แต่สามารถใช้ได้เพียงแค่ปีละ 1 ครั้ง และจะเป็นการเดินทางเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น จะเป็นขาไปหรือขากลับก็ได้ ทั้งนี้ สำหรับการออกบัตรของขวัญนั้นถือเป็นอำนาจของผู้บริหารบริษัทการบินไทย หรือดีเอ็มที่สามารถแจกแบบเฉพาะบุคคล จึงเป็นคำถามว่านางวรกรได้บัตรของขวัญนี้มาได้อย่างไร รวมทั้งสมาชิกบัตรทองท่านอื่นๆ ก็ไม่ได้รับกิฟต์วอเชอร์นี้เหมือนกับนางวรกร ที่สำคัญถือเป็นของขวัญที่มีมูลค่าเกิน 3 พันบาท และเป็นการให้แบบเฉพาะเจาะจง ดังนั้นนางวรกรซึ่งเป็นภรรยารัฐมนตรี ไปรับกิฟต์วอเชอร์นี้มาได้อย่างไร เป็นการเข้าข่ายการรับสินบนหรือไม่
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งว่า ดีเอ็มของบริษัทการบินไทยได้มีการประชุมกันอย่างเคร่งเครียด และไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆหรือไม่ แต่ขอเตือนว่า ตนได้เก็บข้อมูลหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้น หากใครคิดที่จะบิดเบือนหรือเปลี่ยนข้อมูลระวังจะติดคุก ยืนยันว่าตนไม่มีความประสงค์จะกล่าวถึงบุคคลที่ 3 แต่เมื่อนางวรกรประสงค์จะตอบโต้ ตนจึงมีคำถามย้อนกับไปว่า นางวรกรกับ “LONAA” ที่เป็นผู้มีอำนาจในการเลื่อนชั้นการเดินทางให้นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ยืนยันว่าการออกมาเปิดเผยเอกสารของพรรคเพื่อไทยนั้นไม่ได้เป็นการใส่ร้ายนายกรณ์และครอบครัว แต่พนักงานการบินไทยนำหลักฐานมาให้กับพรรคเพื่อไทยตรวจสอบเพื่อเรียกร้อง ความเป็นธรรมให้กับการบินไทยที่โดนเอารัดเอาเปรียบมาตลอด
“ขอเรียกร้องนายกรณ์ว่า พวกผมพร้อมต่อสู้คดี แต่หากมีการดำเนินการกับพวกผมที่ทำการตรวจสอบโดยใช้กระบวนการทางยุติธรรมมาปิดปากนั้น เราก็จำเป็นจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และกองปราบฯ ต่อไป โดยขณะนี้กำลังปรึกษากับทีมกฎหมายเพื่อที่จะไปยื่นก่อนปีใหม่ ยืนยันว่าเราพร้อมสู้คดีอยู่บนเอกสารข้อเท็จจริง แต่ถ้าเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องจริง นายกรณ์พร้อมหรือยังที่จะลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลังที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ที่ชื่อการบินไทย” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนได้รับเอกสารเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวข้องกับนายกรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อน ส่วนกรณีที่นายกรณ์ออกมาระบุว่าจะปัดกวาดการบินไทยร่วมกับนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมนั้น อยากบอกว่าตลอดเวลา 1 ปีที่กำกับดูแลการบินไทย ทั้ง 2 คนได้ทำอะไรให้กับการบินไทยบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ น.อ.อนุดิษฐ์แถลงข่าวนั้น ได้ใช้ข้อมูลบันทึกการเดินทางจริงของนายกรณ์ และครอบครัวมานำเสนอผ่านเพาเวอร์พอยต์ โดยมีทั้งการยกตัวอย่างการซื้อตัวเดินทางและการเดินทางอย่างถูกต้อง เช่นของนายกรอปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยซื้อตั๋วเต็มราคาในชั้นธุรกิจและเดินทางในชั้นธุรกิจมาเป็นตัวอย่างด้วย ขณะที่บันทึกการบินของนางวรกรนั้น เที่ยวบินที่มีการเดินทางไปลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2552 ได้ซื้อตั๋วชั้นธุรกิจแต่ได้รับการเลื่อนชั้นการเดินทางเป็นชั้นเฟิสต์คลาส โดยใช้กิฟต์วอเชอร์ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของผู้บริหารการบินไทย หรือ “DM” ส่วนเที่ยวบินขากลับเมื่อวันที่ 3 เม.ย.52 นั้นกลับไม่มีการระบุว่าใครที่เป็นผู้อัปเกรดชั้นการเดินทางให้และใช้สิทธิอะไร เพราะซื้อตั๋วชั้นธุรกิจแต่บินแบบเฟิสต์คลาส
สำหรับการเดินทางของบุตรนายกรณ์ไปลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้น มีการซื้อตั๋วแบบชั้นประหยัดและได้ในราคาที่ถูกกว่าชั้นประหยัดแต่ได้อัปเกรดที่นั่งเป็นชั้นธุรกิจ โดยมีคอมเมนต์ไว้ที่ตั๋วด้วยว่า ให้ติดต่อ KO-B สำหรับการอัปเกรดไปเป็นชั้นธุรกิจ รวมทั้งให้รีเฟอร์ถึง BKKSUTG 210940CW ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าตำแหน่งบุคคลที่อัปเกรดให้นั้นไม่ได้เป็นการใช้ไมล์สะสม และกิฟต์วอเชอร์ แต่เป็นการอัปเกรดให้โดย BKKSUTG 210940CW และขากลับก็ได้อัปเกรดที่นั่งด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนนายกรณ์นั้นได้เดินทางกลับจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยซื้อตั๋วชั้นธุรกิจแล้วได้รับการอัปเกรดที่นั่งเป็นชั้นเฟิสต์คลาส โดย “LONAA” ซึ่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ที่มีออฟฟิศอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในขณะที่ของนางวรกรนั้นก็ยังได้ซื้อตั๋วชั้นธุรกิจแต่ได้รับการอัปเกรดเป็นเฟิสต์คลาส โดย “LONAA” ด้วยเช่นกัน