xs
xsm
sm
md
lg

เลาะรั้วสนามรังนก-ลูกบาศก์ / ภู่ หว่า เฮง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “ผจญภัยแดนมังกร” โดย “ภู่ หว่า เฮง”

เริ่มรู้ชะตากรรมว่าโอกาสเหยียบเข้าสเตเดี้ยมเพื่อชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 29 ณ กรุงปักกิ่ง หรือตามเมืองต่างๆ เลือนรางลงไปทุกที เนื่องจากอย่างที่ทราบกันดีว่าตั๋วถูกจำหน่ายไปหมดแล้ว แต่ “ภู่ หว่า เฮง” ยังคงมีความหวังได้ลิ้มลองอรรถรสแห่งมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติสักครั้งหนึ่งในชีวิต จึงยังเชื่อเสมอว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ย่อมมีช่องทางประสบความสำเร็จอยู่ไม่มากก็น้อย

ครบหนึ่งสัปดาห์พอดีที่เท้าสัมผัสแผ่นมังกร ผม, เฮียยุทธ และ น้องตุ้ม กระเตงกันไปตามสถานที่ต่างๆ พยายามหาแง่มุมนอกสนามเป็นลักษณะบันทึกการเดินทางมาฝากแฟนๆ MGR Sport / Chinese แม้เสมือนเป็นพลเรือนชั้นสองที่โอกาสจำจัดจำเขี่ยจากการไม่มีบัตรนักข่าวเหมือน “เจ๊โอ๊” ซึ่งมีอภิสิทธิเข้านอกออกในสนามได้ตามสะดวก แต่เราก็มิได้น้อยเนื้อต่ำใจขอสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด

หลังจากสัมผัสบรรยากาศพิธีเปิด “ปักกิ่งเกมส์” คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เช้าวันเสาร์เมื่อไม่มีโปรแกรมไปไหน ผมจึงเปิดโทรทัศน์ช่อง CCTV 5 เพื่อรับชมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2008 ประเดิมวันแรกและก็ได้ร่วมเชียร์นักกีฬาไทยใน “ยกน้ำหนัก” รุ่น 48 กิโลกรัม โดยมี เปรมศิริ บุญพิทักษ์ กับ เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล เข้าประลองกำลังกับนานาชาติ

แต่น่าเสียดายที่ “น้องอ้อย” เปรมศิริ และ “น้องเอ” เพ็ญศิริ ไม่มีเหรียญรางวัลติดมือกลับมา โดยเหรียญทองเข้ากระเป๋า เฉิน เซียเซี่ย จอมพลังเจ้าถิ่นตามคาด แถมเธอยังทำลายสถิติโอลิมปิกรวม ด้วยการยกท่าสแนชและคลีน แอนด์ เจิร์ก ไปถึง 212 กิโลกรัม

ความปราชัยในครั้งนี้คงไม่มีคนไทยถือโทษโกรธเคืองนักกีฬาทั้งสอง ในทางกลับกันรู้สึกเห็นใจพวกเธอที่นอกจากต้องยกลูกเหล็กขึ้นยืนตัวตรง ยังต้องแบกความกดดันของชาวไทยทั้งชาติไว้เต็มสองบ่า จากการให้สัมภาษณ์ของผู้หลักผู้ใหญ่บางคนจนกดดันเด็ก อีกทั้งผลงานของรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่ได้ดีมาโดยตลอด ทำให้ มาตรฐานสูงถึงขั้นต้องมีเหรียญติดมือกลับมาเป็นอย่างน้อย

ระหว่างพูดคุยเรื่องดังกล่าว “เจ๊โอ๋” กระแซะขึ้นมาว่าตอนอยู่ในสนาม เจอะกับ จาง เจีย หมิง โค้ชยกเหล็กทีมชาติไทยคนเก่าที่คราวนี้เทรนจน เฉิน เว่ยหลิง จอมพลังคว้าเหรียญทองแดงที่ “น้องเอ” เพ็ญศิริ ควรได้เป็นอย่างน้อยไป เมื่อเห็นหน้านักข่าวไทย โค้ชจาง ถึงกับรีบวิ่งหนีเหยี่ยวข่าวที่ครั้งหนึ่งออกจากคุ้นเคยกันดี แต่ก็ช่วยไม่ได้กระมังในเมื่อสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ไม่มีเงินถุงเงินถังพอเป็นค่าแรงของโค้ชชาวจีนรายนี้

หลังจากเสร็จสิ้นการดูการแข่งขันยกเหล็ก ผมจึงนัดแนะกับ เฮียยุทธ และ น้องตุ้ม เพื่อไปเยี่ยมชมสนามกีฬาแห่งชาติในกรุงปักกิ่ง หรือที่พวกเราคุ้นเคยในชื่อ สนามรังนก (Bird’s Nest) ถ้าถามว่าอลังการขนาดไหน พวกเราคงตอบได้ว่ายิ่งใหญ่ครั้งแสดงพิธีเปิด แต่มาเห็นไกลๆ น้องตุ้ม ถึงกับแซวว่าทำไมดูฝุ่นจับอะไรขนาดนั้น

สำหรับบรรยากาศละแวกสนามรังนก ถือว่าคึกคักมากทีเดียวในช่วงบ่ายแก่ๆ ไม่มีแดดแผดเผาทำให้ประชาชนทั้งจีนและเทศ ออกมาชักภาพถ่ายรูปกับสนามที่ใช้เหล็กสานกันอย่างสวยงาม ตลอดสองข้างทางที่เราเดินผ่าน ธงชาติจีนและโอลิมปิกโบกไสว ทว่าหนึ่งในลิทธิสิทธิของโอลิมปิกครั้งนี้ กลับโดนนักฉวยโอกาสทำธงขึ้นมาขายในราคาตั้งแต่ 1-10 หยวน (ประมาณ 5-50 บาท) ถ้าผืนใหญ่หน่อยอาจโดนโก่งไปถึง 50 หยวน (ราว 250 บาท)

นอกจากเก็บบรรยากาศ เราไม่ลืมถามหาโอกาสให้ตัวเองในการเข้าไปชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกให้จงได้ แต่ทว่าพวกเก็งกำไร “ตั๋วผี” ยังไม่ปรากฏ แม้ เฮียยุทธ ลงทุนเขียนทั้งภาษาจีนและอังกฤษแขวนคอให้ผมทำนองว่า I need the tickets เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวหัวทอง

เข้าสู่ช่วงพลบค่ำ เราสามคนเปลี่ยนมาเดินไปยังสนาม National Aquatics Center หรือ “สนามลูกบาศก์” ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก อ่านจากหนังสือสนามแห่งนี้มีดีไซน์จากฟองและโมเลกุลของน้ำ ผนวกกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อีกทั้งมีสีสันสวยงาม สลับจากสีน้ำเงินฟ้าเป็นแดงอมม่วง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมดึกดื่นค่ำคืนยังมีฝูงชนแห่มายังอารีน่าแห่งนี้มิขาดสาย
มองเห็น สนามรังนก อยู่ลิบๆ
เบื้องหลังคือความงดงามของ สนามลูกบาศก์
กำลังโหลดความคิดเห็น