โฆษก ปชป.รับพรรควิตก “แก๊ง เสธ.แดง” จ่อป่วนชาติหลังวาเลนไทน์ จี้ทุกหน่วยป้องกันอันตราย โต้ “นพเหล่” ขู่ฟ้อง “แม้ว” เอี่ยวปฏิวัติเขมร ยันทำตามหน้าที่ปกป้องนายกฯ และชาติ ท้าแจ้งจับ ลั่นยินดีไม่หนีคดีไปอยู่เมืองนอก
วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่มีแนวร่วมที่เป็นอดีตนายทหารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะจัดชุมนุมใหญ่หลังวันที่ 14 ก.พ. โดยอ้างเหตุการณ์ให้คล้ายกับสงกรานต์เลือดว่า พรรคมีความวิตกอย่างยิ่งต่อการส่งสัญญาณการชุมนุมให้เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง การที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวว่า การประกาศล่วงหน้าเป็นสัญญาของลูกผู้ชาย ระบุระเบิดจะลงวันไหนก็จะบอกล่วงหน้า ดังนั้น ตนขอให้หน่วยงานความมั่นคงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายขึ้นเหมือน 6 ต.ค. และต้นปี 51 เพราะการประกาศของ พล.ต.ขัตติยะ ถือเป็นความผิดที่สมบูรณ์ตามองค์ประกอบ มีโทษครึ่งหนึ่ง จึงไม่อยากให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยุยงให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความวุ่นวาย และตนขอประณามคนที่จะทำให้เกิดสงครามการเมือง การจลาจล อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ยึดพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในบ้านเมือง
ส่วนเรื่องการแทรงแซงองค์กรอิสระโดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมนั้น ตนไม่อยากให้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้าไปแทรกแซงจนทำให้เกิดความแตกแยก ทั้งนี้ ต้องเคารพการทำงานไม่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองโดยเด็ดขาด
นพ.บุรณัชย์ ยังแถลงตอบโต้กรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขู่ระบุจะแจ้งความดำเนินคดีกับตน จากกรณีที่ได้ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเกี่ยวพันกับการปฏิวัติในกัมพูชาว่า ตนทำหน้าที่โฆษกพรรคเกิดขึ้นจากคำให้สัมภาษณ์ผ่านการทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณเอง รวมถึงกลุ่มคนใกล้ชิดอย่างนายนพดล และแกนนำนปช.ว่า มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างถึงเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ซึ่งบุคคลทั้งสองทำหน้าที่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ทั้งหมดตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีเหตุตามที่ถูกกล่าวอ้างจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีการใช้การแทรกแซงการเมืองในกัมพูชาหรือการใช้กำลังต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงเป็นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องนายกฯ, รัฐมนตรี และปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ในฐานะโฆษกพรรคจำเป็นต้องทำหน้าที่ดังกล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายที่ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และมีข้อสงสัยว่า เหตุปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้น มาจากพ.ต.ท.ทักษิณเคลื่อนไหวต่อประเทศกัมพูชาและผลประโยชน์ที่เคยได้จากสัมปทานในกัมพูชา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลุกลามบานปลาย อีกทั้งการรายงานข่าวของสื่อมวลชนหลายแขนต่างระบุถึงการพยายามการปฏิวัติรัฐประหารในกัมพูชาในปี 2537 และมาสำเร็จในปี 2540 ซึ่ง มีทั้งการวิเคราะห์วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีในสัมปทานที่รัฐบาลกัมพูชาให้กับธุรกิจในเครือของ พ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ จึงถือเป็นการทำหน้าที่เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาทั้งหมดว่า ไม่จริง และเชื่อว่าการทำหน้าที่ของตนทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงตามที่ปรากฏในสื่อ และหากนายนพดลเชื่อในความยุติธรรมของศาล ตนก็ยินดีที่จะเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่นี้ต่อไป โดยให้ความร่วมมือและไม่หลบหนีการพิจารณาคดีไปอยู่ในต่างประเทศแน่นอน