“อนุพงษ์” ยันควรส่ง “ม้ง” กลับบ้านเกิด เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ขอระบาย ไม่เคยคิดแค้นใคร รับสื่อมวลชนเป็นส่วนสำคัญของประเทศ ถ้ายืนอยู่ตรงกลาง ยึดประโยชน์ประโยชน์ชาติ บ้านเมืองเจริญ ประกาศชัดๆ ลั่นไม่เล่นการเมืองหลังเกษียณ ตั้งพรรคก็ไม่เอา เชื่อไทยไม่แทรกการเมืองเพื่อนบ้าน ยันไทยไม่มีปฏิวัติแน่ นัดถกหน่วยงานความมั่นคงรักษาความปลอดภัยช่วงปีใหม่ 28 ธ.ค.
วันนี้ (25 ธ.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่สำนักข้าหลวงผู้ลี้ภัยองค์การสหประชาชาติ (UNHCR) ไม่อยากให้ส่งชาวม้งกลับประเทศลาว ว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงแล้วว่า มีกรอบดำเนินการ แต่จะอยู่บนพื้นฐานสิทธิมนุษยชน แต่ตนเองเรียนว่า สภาพที่เขาอยู่ในที่พักพิงไม่น่าจะมีสภาพที่ดี เพราะถูกจำกัดพื้นที่ ซึ่งทางเราไม่สามารถหาที่ทำกินให้ได้ เพราะคนไทยยังต้องการที่ทำกิน เราเองก็แบกรับภาระนี้ไม่ไหว ประเทศมาตุภูมิเขามีพื้นที่มากมาย อย่างไรก็ตาม เราไม่มีความคิดที่จะไปทำลายชาวม้ง แต่การไปอยู่ที่โน่นน่าจะทำให้เขามีชีวิตที่ดีกว่า
ส่วนกรณีที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาระบุว่า ไทยเตรียมสนับสนุนการทำรัฐประหารในกัมพูชา โดยอ้างว่ามีการระบุในเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบข้อมูลว่าทางประเทศเพื่อนบ้านจะมีการดำเนินการอะไรกันภายใน ซึ่งไทยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พร้อมยืนยันว่าในส่วนของประเทศไทยจะไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นอน
ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น ในวันจันทร์นี้ (28 ธ.ค.) จะมีการร่วมประชุมกันของหน่วยงานความมั่นคงเพื่อประเมินสถานการณ์ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
พล.อ.อนุพงษ์ ยังยอมรับว่า สื่อมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปัจจุบันที่ประเทศไทยเรามีเหตุการณ์อย่างที่เรารู้กันอยู่ ซึ่งท่านมีส่วนที่จะทำให้ไปทางไหนได้ เพราะสื่อมวลชนเป็นส่วนสำคัญของประเทศ ถ้าจะทำให้ระส่ำระส่ายก็สามารถทำได้ ทำให้สังคมเรียบร้อยก็สามารถทำได้ ด้วยมือที่พวกสื่อเขียน และต้องยอมรับว่า ในทุกวงการมีความคิดที่แตกต่างกันไป รวมถึงสื่อก็มีความคิดที่หลากหลาย มีความคิดเห็นคนละมุมมอง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่สามารถจะไปชี้นำว่า สื่อต้องมีความเห็นเหมือนตน ซึ่งตนเห็นว่า หากเจอกันและพูดคุยกัน และมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันหรือเถียงกันเป็นเรื่องปกติ ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยอมรับว่า ตนเป็นคนดุ แต่เฉพาะเรื่องงาน แต่ตนจะไม่อาฆาตแค้นคน จบแล้วก็จบ ส่วนสื่อมวลชนจะรักตนหรือไม่ คงไปบังคับใจใครไม่ได้ เพราะบังคับใจตัวเองยังไม่ได้ ตนเป็นอย่างที่เป็น แต่ไม่มีเจตนาร้ายกับใคร เวลาที่สื่อเข้ามาถาม แต่ตนอาจจะไม่ตอบ หรือตอบเป็นภาพกว้าง เพราะตนค่อนข้างจะรู้มากว่า ถ้าตอบแบบนี้สื่อจะไปเขียนอย่างไร ตนไม่เคยมีความเคียดแค้นใคร จนตายก็ไม่มี ตนอยู่กองทัพบกมาจนปีหน้าจะเกษียณแล้ว ตนไม่ได้โกรธเกลียดใคร ซึ่งตนทำหน้าที่โดยเสมอมา และหากจะถามว่าตนจะเล่นการเมืองหรือไม่ ขอตอบเลยว่าจะไม่เล่น แม้แต่จะรับตำแหน่งใดๆ ก็ไม่เอา หรือแม้แต่สื่อบางคนที่นำไปเขียนว่า ตนจะตั้งพรรคการเมืองก็ไม่มี ตนไม่เคยคิด ซึ่งตนจะอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.อีกไม่กี่เดือน และจะไม่เห็นตนยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีก ซึ่งเมื่ออายุผ่าน 60 ปีไปแล้วจะเป็นคนแก่คนหนึ่งที่เฝ้าดูการทำงานของสื่อ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในมือสื่อ หากสื่ออยากทำให้สังคมดีขึ้นก็สามารถทำได้ ถ้ามั่นใจว่า สื่อยืนอยู่ตรงกลาง เวลาจะทำอะไรยึดถือประโยชน์ชาติเป็นหลัก ตนรับรองว่าบ้านเมืองจะเจริญ ทั้งนี้ ตนไมได้หมายคามว่าสื่อเอียงหรือไม่ แต่เป็นแค่การเสนอความคิด