นายกฯ ยันแก้ไขกฎหมายหมิ่นเบื้องสูง ชี้บางประเทศไม่มีสถาบันจะไม่เข้าใจ อีกทั้งบางกลุ่มมีการหยิบยกเรื่องสถาบันเป็นประโยชน์ทางการเมือง พร้อมจี้รักษาการ ผบ.ตร.เร่งรัดคดีฆ่าตัดตอน พร้อมเปิดแถลงข่าวเพื่อให้ ปชช.ได้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการรับฟังการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “กระบวนการยุติธรรมเพื่อประชาชน” ของกระทรวงยุติธรรม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า ส่วนคำถามที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์และกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น เรื่องนี้ละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ ตนพยายามทำให้เกิดความพอดี เพราะคนผิดต้องถูกดำเนินการ แต่ปัญหาคือมีการหยิบเรื่องนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในทุกด้าน โดยที่ทุกฝ่ายฟ้องร้องเรื่องนี้ได้และผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ก็มักส่งต่อความรับผิดชอบไปเรื่อยๆ จนคดีวนและล่าช้า
“อีกทั้งบางกลุ่มหยิบเรื่องนี้ไปบอกกับชาวโลกว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน บางประเทศไม่มีสถาบันจึงไขว้เขว ผมเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องอธิบายเรื่องนี้มากว่า กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของประมวลกฎหมายอาญา และไม่ใช่กฎหมายพิเศษ เพราะสถาบันกับประเทศผูกพันกันมาเป็นความมั่นคง สถาบันเป็นที่เคารพและอยู่เหนือความขัดแย้งทุกประการ จึงจะมาเป็นคู่ขัดแย้งทางกฎหมายไม่ได้ เรื่องนี้ก็ดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง รวมทั้งเรื่องอินเทอร์เน็ตด้วย เพราะตอนนี้ได้มีคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองเรื่องนี้แล้ว” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงคดีฆ่าตัดตอนผู้ค้ายาเสพติดในสมัยรัฐบาล พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า คดีเหล่านี้ดำเนินการอยู่และก้าวหน้าไปชัดเจนขึ้น ส่วนการรับรู้ความคืบหน้าของประชาชนในคดีนั้นๆ ต้องขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนด้วย และตนเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคดีนี้ เพราะมันยากที่อาจโดนกล่าวหาว่าจับแพะหรือใส่เกียร์ว่าง รวมทั้งการกล่าวหาว่าคดีของฝ่ายนั้นช้า และทำไมคดีของฝ่ายตนเร็ว ตนบอกกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ไปว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือแถลงข่าวความคืบหน้าของคดีเหล่านั้นเป็นประจำ และทำให้ประชาชนตัดสินเองว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือไม่