ทีมโฆษก ศก.พรรค ปชป.โต้พรรคเพื่อไทยป้ายสี รบ.ทำเศรษฐกิจย่อยยับ ย้อนถามไปขุดข้อมูลมาจากไหน ตีแสกหน้าเข้าใจดีต้องการทำหน้าที่แต่อย่าค้านความจริง แฉกลับอย่าใช้ข้อมูลเท็จมาหลอกลวง ปชช.ให้รู้สึกหดหู่ใจช่วงเทศกาลปีใหม่
วันนี้ (22 ธ.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ด้านเศรษฐกิจ ตอบโต้ข่าวกรณีพรรคเพื่อไทยวิจารณ์การดำเนินงาน 1 ปีของรัฐบาลว่าทำให้เศรษฐกิจไทยย่อยยับ โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ้างว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารเพื่อพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ระบุว่าการฟื้นตัวของไทยในปี 2553 ต่ำสุดในภูมิภาค และ GDP ขยายตัวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ตัวเลขของไทยติดลบมากที่สุดนั้น
นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าฝ่ายค้านไปเอาข้อมูลจากไหน เนื่องจาก IMF และ ADB ต่างคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าคือปี 2553 จะเป็นบวก และสองสถาบันใหญ่ยังคาดการณ์อีกด้วยว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นโดย GDP จะโตถึง 3.7 และ 3 ตามลำดับ
“เข้าใจดีว่าเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านหน้าที่ คือค้านนโยบายรัฐบาล แต่อย่าค้านความจริงโดยการให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่บิดเบือน” นายอรรถวิชช์กล่าว
นอกจากนี้ นายอรรถวิชช์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ไตรมาสแรกของปี 2552 ซึ่งเป็นเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้นไทยเรามี GDP ติดลบสูงถึง -7.1 ต่อมาไตรมาส 2 และ 3 ก็ติดลบน้อยลงมาเป็น -4.9 และ -2.8 ตามลำดับ โดยตัวเลขทางการดังกล่าวประกาศโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และขณะนี้เกือบทุกสำนักคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี GDP จะเป็นบวก 3 อีกด้วย ดังนั้นฝ่ายค้านจะกล่าวว่ารัฐบาลนี้ทำเศรษฐกิจย่อยยับได้อย่างไร
“ผมคิดว่าคนไทยทั้งประเทศต้องเหน็ดเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ เขาควรจะชื่นใจกับข่าวดีที่เป็นความจริงเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ไม่ใช่หดหู่กับข้อมูลที่บิดเบือนของฝ่ายค้าน” นายอรรถวิชช์กล่าวในที่สุด
วันนี้ (22 ธ.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ด้านเศรษฐกิจ ตอบโต้ข่าวกรณีพรรคเพื่อไทยวิจารณ์การดำเนินงาน 1 ปีของรัฐบาลว่าทำให้เศรษฐกิจไทยย่อยยับ โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ้างว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารเพื่อพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ระบุว่าการฟื้นตัวของไทยในปี 2553 ต่ำสุดในภูมิภาค และ GDP ขยายตัวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ตัวเลขของไทยติดลบมากที่สุดนั้น
นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าฝ่ายค้านไปเอาข้อมูลจากไหน เนื่องจาก IMF และ ADB ต่างคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าคือปี 2553 จะเป็นบวก และสองสถาบันใหญ่ยังคาดการณ์อีกด้วยว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นโดย GDP จะโตถึง 3.7 และ 3 ตามลำดับ
“เข้าใจดีว่าเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านหน้าที่ คือค้านนโยบายรัฐบาล แต่อย่าค้านความจริงโดยการให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่บิดเบือน” นายอรรถวิชช์กล่าว
นอกจากนี้ นายอรรถวิชช์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ไตรมาสแรกของปี 2552 ซึ่งเป็นเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้นไทยเรามี GDP ติดลบสูงถึง -7.1 ต่อมาไตรมาส 2 และ 3 ก็ติดลบน้อยลงมาเป็น -4.9 และ -2.8 ตามลำดับ โดยตัวเลขทางการดังกล่าวประกาศโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และขณะนี้เกือบทุกสำนักคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี GDP จะเป็นบวก 3 อีกด้วย ดังนั้นฝ่ายค้านจะกล่าวว่ารัฐบาลนี้ทำเศรษฐกิจย่อยยับได้อย่างไร
“ผมคิดว่าคนไทยทั้งประเทศต้องเหน็ดเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ เขาควรจะชื่นใจกับข่าวดีที่เป็นความจริงเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ไม่ใช่หดหู่กับข้อมูลที่บิดเบือนของฝ่ายค้าน” นายอรรถวิชช์กล่าวในที่สุด
