นายกฯ ชี้ทางออกแก้ปัญหามาบตาพุด เบื้องต้นจะตัดโครงการที่อยู่ในระหว่างการขออนุญาต ชี้ต้องเคารพกระบวนการใหม่ที่จะเกิดขึ้น ไม่วิตกรายงานมูลค่าความเสียหาย 6 แสนล้านเชื่อไม่สูงอย่างที่ระบุ ย้ำทุกฝ่ายต้องเคารพคำสั่งศาลอย่าซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุน
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหามาบตาพุด ที่ในการประชุม ครม.วันที่ 22 ธ.ค.จะมีการพิจารณาว่าตนยังไม่เห็นข้อเสนอ แต่หลักมีอยู่ว่า โครงการที่จะเป็นปัญหาจริงๆ มีอยู่ว่าควรจะตัดโครงการที่อยู่ในระหว่างการขออนุญาต หรือยังไม่มีอะไรชัดเจน โครงการเหล่านั้นก็ต้องเคารพกระบวนการใหม่ที่จะเกิดขึ้น อาจจะใช้เวลามากขึ้น ตรงนั้นจะมีประมาณ 20 กว่าโครงการ ส่วนที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ ที่ประกอบการไปแล้ว หรือระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งตนให้ไปดูว่ามีประเด็นอะไรหรือไม่ที่เข้าไปเกี่ยวของกับคำวินิจฉัยของศาลที่อาจจะขอความชัดเจนและสามารถมีความยืดหยุ่นได้ แต่หลักใหญ่ก็ต้องเคารพคำสั่งชั่วคราวของศาลอยู่
เมื่อถามว่า ทางปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมีการประเมินตัวเลขความเสียหายสูงถึง 6 แสนกว่าล้านบาท นายกฯ กล่าวว่า พอดีท่านปลัดท่านไปต่างประเทศคราวที่แล้วที่มานั่งดูรายละเอียด จริงแล้วต้องตัดโครงการอย่างที่บอก คืออยู่ระหว่างการขออนุญาตต่างๆ และความเสียหายจะไปนับรวมมูลค่าโครงการคงไม่ได้ เพราะหลายโครงการในที่สุดก็จะได้ดำเนินการ ความเสียหายก็จะมีเฉพาะความล่าช้าที่เกิดขึ้นและรัฐบาลก็จะพยายามทำความชัดเจนไม่ให้เกิดการถอนการลงทุน เมื่อถามย้ำว่า นายกฯไม่เชื่อว่าตัวเลขความเสียหายจะสูงเท่าที่เขาบอกมา นายกฯ กล่าวว่าตนไม่คิดว่าตัวเลขจะสูงขนาดนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กับการกรประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ สรุปว่าทุกอย่างจะต้องมีความชัดเจน นายกฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนั้นคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม จะประชุมและถ้ากรรมการ 4 ฝ่าย ได้ข้อยุติว่าระเบียบของกระทรวงทรัพย์ หรือกรรมการสิ่งแวดล้อม ในส่วนของการทำหรือการสวิเคราะห์ผลสิ่งแวดล้อม หรือผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นที่ยอมรับกันได้แล้ว ก็ให้ประกาศเฉพาะในส่วนนี้ก่อน โครงการทั้ง65 โครงการ ก็จะสามารถเข้าสู่กระบวนการ 2 อันนี้ได้เลย ส่วนที่ยังเห็นไม่ตรงกันเรื่ององค์การอิสระก็ยังมีเวลาในการทำ คือขั้นตอนที่องค์การอิสระมาให้ความเห็นคือ มันต้องทำผลการวิเคราะห์เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นก็หวังว่าจะปรับปรุงกฎหมาย ปรับปรุงประกาศของสิ่งแวดล้อมได้ในวันที่ 24 ธ.ค.
เมื่อถามว่า ในการประชุม ครม. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ จะผลักดัน 40 โครงการที่ดูแล้วอาจจะผ่านเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ ครม.พิจารณา
“ผมเรียนอย่างนี้นะครับว่า 40 หรือจะกี่โครงการใน 65 โครงการ จะเดินต่อได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ศาล อยู่ที่ศาลไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริหารจะไปทำอะไรไม่ได้ ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ทำตาม คำวินิจฉัยของศาล เพียงแต่สิ่ง ที่เราอาจจะทำได้ถ้ามีข้อเท็จจริง มีเหตุผลว่าไปขอความกระจ่างจากศาล และคิดว่ามีความยืดหยุ่นได้ก็จะทำ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่า ผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจะไปถึง เป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวที่บอกคราวที่แล้วที่เอาตัวเลขมาดู ก็บอกไปแล้ว
“ผมยังแปลกใจอยู่ว่าในขณะที่หลายคนพูดตัวเลขว่ากี่แสนล้าน พอเราเอาข้อเท็จจริงมาดูจริงๆ ก็ยังไม่ส่งมาให้ ผมคิดว่า บางทีที่ใครบอกว่าจะไปแก้ปัญหาแบบภาพรวมคิดว่าทั้ง 65 หรือ 70 โครงการจะไปแก้แบบเดียวกันหมด มันไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าศาลวินิจฉัยตอนแรก 76 โครงการ ถามว่าทำไมตอนหลังเหลือ 65 เพราะ11 โครงการส่งข้อเท็จจริงเป็นรายละเอียดที่ทำให้ศาลพอใจว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะฉะนั้น 65 โครงการ ถ้าไม่มีผลกระทบจริงต้องทำให้เหมือนกัน จะมาหวังว่ารวมๆกันอยู่ แล้วพูดตัวเลขให้มันน่ากลัว แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต้องมาทำงานร่วมกัน ทำให้ไม่มีปัญหาข้อกฎหมายอีก เพราะถ้ามีปัญหาข้อกฏหมาย ก็จะมีแต่ซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางเอกชนกับหน่วยงานทางราชการพยายามที่จะเอาเรื่องตัวเลขมาขู่ นายกฯ กล่าวว่า ตนย้ำไปแล้วว่าเรื่องตัวเลขไม่มีประโยชน์ที่จะเอาไปใช้ อย่าไปคิดว่ามีตัวเลขสูงๆ แล้วขู่ได้ ขู่ศาลไม่ได้ และก็ขู่รัฐบาลไม่ได้ เอาความจริงมาแล้วเราจะช่วยแก้ปัญหาได้
