“อภิสิทธิ์” ชี้แผนผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ก่อเหตุรุนแรงหวังแสดงศักยภาพ หลังโดน จนท.บีบพื้นที่หนัก เชื่อจับคนร้ายถล่มมัสยิดไอปาแยได้พลิกภาพลักษณ์รัฐบาลได้แน่ ไม่เต้นตามจดหมายร่อนเต็มพื้นที่ 3 จว.ใต้ ซัด จนท.เอี่ยวความไม่สงบ ต้องรอตรวจสอบความชัดเจน
วันนี้ (20 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเขียนจดหมายระบุว่าคนของทางการเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จดหมายข้อความต่างๆ ในภาคใต้ที่เขียนขึ้นมามีเยอะ จะต้องมีอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงกว่านั้นถึงจะสามารถตรวจสอบได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการใช้อาวุธหนักมากขึ้นขยายวงมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วหลังจากมีปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะมีลักษณะการบีบพื้นที่ ถ้าหากดูตัวเลของเหตุการณ์จะพบว่าลดลงโดยลำดับต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551-2552 ฉะนั้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเขาจะแสดงศักยภาพเขาถูกบีบพื้นที่ เมื่อกระทำได้น้อยลงก็จะทำให้ดูรุนแรขึ้น เราก็ทราบ เราพยายามติดตามดู โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายอาวุธ
เมื่อถามว่า 1 ปีที่ผ่านมานายกฯ พอใจกับการแก้ไขปัญหาหรือไม่ หรือคิดว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหาความไม่สงบ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้พอใจและไม่ได้คิดว่านโยบายล้มเหลว แต่คิดว่าถ้าทำนโยบายได้ต่อเนื่องอีกระยะหนึ่งและสางปมบางปมให้ได้ เช่น กรณียิงบนมัสยิดไอปาแย ถ้าจับคนยิงได้คิดว่าจะช่วยได้เยอะ ตนก็พยายามกำชับเจ้าหน้าที่หลายรอบแล้วว่าอยากให้จับให้ได้ หากจับได้คิดว่าจะพลิกภาพลักษณ์ของภาครัฐได้ และจริงๆ เราก็ทำตรงไปตรงมาที่สุด การออกหมายจับน่าจะคิดว่าถูกต้องเที่ยงตรง แต่ยังจับไม่ได้ก็ยังเป็นเงื่อนไขอยู่ เพราะจะเห็นว่าเวลาที่เขาไปพูดระดับระหว่างประเทศจะมีการบอกว่า เวลาที่มีกระทำอะไรอย่างนี้และมีความสงสัย เป็นคนที่อาจเคยอยู่กับภาครัฐหรืออยู่กับภาครัฐ มันไม่เคยมีใครถูกจับมาลงโทษ ตนก็กำชับกับทางตำรวจและปรารภกับผู้นำในกองทัพว่า มันถึงเวลาที่ต้องจับให้เห็นหรือลงโทษให้เห็นให้ได้สักกรณี
เมื่อถามถึงกรณีที่มาเลเซียจับคนไทยได้ 3 คนที่เป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้พบกับนายกฯ มาเลเซียและขอบคุณในความร่วมมือ ท่านก็พึงพอใจกับการมาเยือนไทยและการได้คุยกันในกรอบถึงความร่วมมือในเรื่องนี้ ซึ่งคิดว่าเป็นรูปธรรมของความร่วมมือที่มาเลเซียให้กับเราในขณะนี้ ตนได้คุยที่เดนมาร์กด้วยและเราก็ทำอย่างต่อเนื่อง กรณีของมาเลเซียต้องมีการเร่งรัดเรื่องความร่วมมือหลายด้าน ไม่ใช่เฉพาะด้านชายแดน ส่วนผู้ต้องหา 3 คนที่ทางการมาเลเซียจับได้นั้น ขึ้นอยู่กับจับในข้อหาที่มีการครอบครอง ซึ่งเป็นความผิดในประเทศมาเลเซีย