ทีมโฆษก ปชป.มั่นใจ ปชช.ชื่นชอบนโยบายแก้หนี้นอกระบบ เผยยอดลงทะเบียนน่าพอใจ พุ่งถึง 2 แสนราย รวมยอดหนี้ 2.2 หมื่นล้านบาท ยันไม่กลัวปัญหาหนี้เสีย เชื่อลูกหนี้มีสภาพคล่องสูงมาก แต่เครดิตไม่ดีจนไม่สามารถกู้เงินในระบบได้
วันนี้ (10 ธ.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองโฆษกพรรค แถลงความคืบหน้าผลการดำเนินนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบว่า หลังจากเปิดโอกาสให้ลูกหนี้มาลงทะเบียนการเป็นหนี้นอกระบบที่ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 1-9 ธ.ค.มีผู้ลงทะเบียนทั่วประเทศรวม 200,758 คน รวมยอดหนี้ 22,755 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น่าพอใจ โดยรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีหนี้นอกระบบ คือหนี้ที่ไม่ได้กู้จากสถาบันการเงินและมีดอกเบี้ยสูงเกินร้อยละ 15 ต่อไป ซึ่งมีเงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท ได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.นี้ จากนั้นจะนำไปจัดกลุ่มเพื่อเจรจาหนี้ในเดือน ก.พ.-เม.ย.2553 ต่อไป โดยรัฐบาลได้เตรียมแหล่งเงินกู้ไว้ 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธนาคารเอสเอ็มอี ธนาคารอิสลาม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารกรุงไทย
ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีหลายคำถามที่มักถามบ่อยจึงอยากชี้แจง เช่น บุคคลที่ติดเครดิตบูโร หรือแบล็กลิสต์สามารถกู้ได้หรือไม่ คำตอบคือกู้ได้ เพราะรัฐบาลเข้าใจว่าคนที่เป็นหนี้นอกระบบจะต้องเป็นหนี้ในระบบอยู่แล้ว โดยยอดหนี้สูงสุดที่จะกู้จากรัฐบาลได้อยู่ที่ 2 แสนบาท ซึ่งผู้ค้ำประกันไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจำ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพียงแค่มีรายได้ต่อเดือนคิดเป็นร้อยละ 10 ของเงินกู้เท่านั้น นอกจากนี้ยังยืนยันว่าพ่อค้าแม่ค้าหรือบุคคลที่หาเช้ากินค่ำก็สามารถกู้เงินได้ เพียงแค่ทำให้บัญชีร้านค้าสอดรับกับสมุดเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องจ่ายเงินกู้กับรัฐบาล ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“สาหตุที่รัฐบาลดำเนินโครงการนี้เพราะต้องการให้ผู้ใช้แรงงาน หรือคนทำงาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศกลับเข้าสู่ระบบ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการทำให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าได้ตามโครงการไทยเข้มแข็งในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ รัฐบาลไม่กลัวปัญหาเรื่องหนี้เสียแต่อย่างใด เพราะตระหนักว่าคนเหล่านี้มีสภาพคล่องสูงมาก เพียงแต่เครดิตไม่ดีจนไม่สามารถกู้เงินในระบบได้เท่านั้น เห็นได้จากการดำเนินโครงการกองทุนหมู่บ้านที่มีปัญหาหนี้เสียน้อยกว่าร้อยละ 5” นายอรรถวิชช์กล่าว
วันนี้ (10 ธ.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองโฆษกพรรค แถลงความคืบหน้าผลการดำเนินนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบว่า หลังจากเปิดโอกาสให้ลูกหนี้มาลงทะเบียนการเป็นหนี้นอกระบบที่ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 1-9 ธ.ค.มีผู้ลงทะเบียนทั่วประเทศรวม 200,758 คน รวมยอดหนี้ 22,755 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น่าพอใจ โดยรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีหนี้นอกระบบ คือหนี้ที่ไม่ได้กู้จากสถาบันการเงินและมีดอกเบี้ยสูงเกินร้อยละ 15 ต่อไป ซึ่งมีเงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท ได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.นี้ จากนั้นจะนำไปจัดกลุ่มเพื่อเจรจาหนี้ในเดือน ก.พ.-เม.ย.2553 ต่อไป โดยรัฐบาลได้เตรียมแหล่งเงินกู้ไว้ 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธนาคารเอสเอ็มอี ธนาคารอิสลาม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารกรุงไทย
ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีหลายคำถามที่มักถามบ่อยจึงอยากชี้แจง เช่น บุคคลที่ติดเครดิตบูโร หรือแบล็กลิสต์สามารถกู้ได้หรือไม่ คำตอบคือกู้ได้ เพราะรัฐบาลเข้าใจว่าคนที่เป็นหนี้นอกระบบจะต้องเป็นหนี้ในระบบอยู่แล้ว โดยยอดหนี้สูงสุดที่จะกู้จากรัฐบาลได้อยู่ที่ 2 แสนบาท ซึ่งผู้ค้ำประกันไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจำ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพียงแค่มีรายได้ต่อเดือนคิดเป็นร้อยละ 10 ของเงินกู้เท่านั้น นอกจากนี้ยังยืนยันว่าพ่อค้าแม่ค้าหรือบุคคลที่หาเช้ากินค่ำก็สามารถกู้เงินได้ เพียงแค่ทำให้บัญชีร้านค้าสอดรับกับสมุดเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องจ่ายเงินกู้กับรัฐบาล ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“สาหตุที่รัฐบาลดำเนินโครงการนี้เพราะต้องการให้ผู้ใช้แรงงาน หรือคนทำงาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศกลับเข้าสู่ระบบ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการทำให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าได้ตามโครงการไทยเข้มแข็งในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ รัฐบาลไม่กลัวปัญหาเรื่องหนี้เสียแต่อย่างใด เพราะตระหนักว่าคนเหล่านี้มีสภาพคล่องสูงมาก เพียงแต่เครดิตไม่ดีจนไม่สามารถกู้เงินในระบบได้เท่านั้น เห็นได้จากการดำเนินโครงการกองทุนหมู่บ้านที่มีปัญหาหนี้เสียน้อยกว่าร้อยละ 5” นายอรรถวิชช์กล่าว