xs
xsm
sm
md
lg

“บุญยอด” ซัด “จตุพร” ผลาญเงินหลวง มัวแต่ก่อม็อบ ผ่าน กม.แค่ครั้งเดียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์
“บุญยอด” สรุป ส.ส.ลงมติกฎหมายในสภาฯ สมัยนิติบัญญัติ ปี 52 พบ 58 ส.ส.ลงคะแนนครบ 100% “ไพฑูรย์” แชมป์ รมต.ลงคะแนนบ่อยสุด “มาร์ค” มาอันดับ 3 “บุญจง-พรทิวา-ศุภชัย” รั้ง 3 อันดับท้าย สลด “ชัย-อภิวันท์-ฟาริดา-ขจิต-3 พ่อลูกเทียนทอง” ไม่เคยกดแม้แต่ครั้งเดียว พบอีก “จตุพร” ผลาญเงินหลวง มัวแต่ก่อม็อบ ลงคะแนนแค่ครั้งเดียว ซัดรักประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลการการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนิติบัญญัติ 2552 ระหว่างวันที่ 13 ส.ค-25 พ.ย.ซึ่งมีจำนวนการลงมติในกฎหมายสำคัญๆ ทั้งสิ้น 100 ครั้ง ไม่รวมถึงการประชุมร่วมสองสภา พบว่า ส.ส.ที่มาลงคะแนนทุกครั้ง มีจำนวน ส.ส.ที่ลงมติมากที่สุดครบทั้ง 100 ครั้ง มีทั้งสิ้น 58 คน หรือ 12.24 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 474 คน แบ่งเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 46 คน จากทั้งหมด 172 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 3 คน จาก 25 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน จาก 31 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 2 คน จาก 32 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 คน จาก 9 คน พรรคกิจสังคม 1 จาก 5 คน พรรคประชาราช 1 จาก 8 คน

นายบุญยอดกล่าวว่า ส่วน ส.ส.ที่ไม่เคยลงมติเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีจำนวนทั้งสิ้น 8 คน ได้แก่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา นางฟารีดา สุไลมาน ส.ส.สุรินทร์ พรรคมาตุภูมิ นายขจิต ขัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย รวมถึง ส.ส.ตระกูลเทียนทอง ทั้ง 3 คน คือ นายฐานิศร์ นางตรีนุช และนายเสนาะ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีติดมา 1 คน คือ นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม.ซึ่งป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งในส่วนของประธานสภาและรองประธานสภา หากมาดูถึงความเหมาะสมในความเป็นกลาง สามาถเทียบได้กับกรณีของนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธาน ที่ลงมติในร่างกฎหมายสำคัญ ถึง 11 ครั้ง จึงคิดว่าคนที่เป็นประธานสภาและรองประธานสภา น่าจะร่วมลงมติในกฎหมายได้ เมื่อไม่ได้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า มีกลุ่ม ส.ส.ที่สอบตกในการลงมติถึง 33.5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 159 คน ถือเป็น 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด คือลงมติไม่ถึง 50 ครั้ง โดยแยกเป็นพรรคเพื่อไทย 126 คน หรือคิดเป็น 67 เปอร์เซ็นต์ พรรคภูมิใจไทย 7 คน หรือ 22 เปอร์เซ็นต์ พรรคประชาธิปัตย์ 5 คน หรือ 3 เปอร์เซ็นต์ พรรคประชาราช 6 คน หรือ 75 เปอร์เซ็นต์ พรรคเพื่อแผ่นดิน 6 คน หรือ 18.75 เปอร์เซ็นต์ พรรคชาติไทยพัฒนา 4 คน หรือ 16 เปอร์เซ็นต์ พรคมาตุภูมิ 3 คน คิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมี ส.ส.อยู่แค่ 3 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 คน หรือ 22 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พรรคกิจสังคม ไม่มีส.ส.คนใดสอบตกเลย

นายบุญยอดกล่าวอีกว่า ในส่วนการลงมติของส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีด้วย พบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นคนที่ลงคะแนนมากถึง 68 ครั้ง นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน 75 ครั้ง นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 70 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐมนตรีที่ลงคะแนนน้อยส่วนใหญ่มากจากพรรคภูมิใจไทย โดยคนที่ลงมติน้อยที่สุด ได้แก่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่ลงคะแนนเพียง 4 ครั้ง ตามด้วย นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ 7 ครั้ง นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ 11 ครั้ง จึงอยากถามว่าทำไมถึงไม่มาประชุมสภาทั้งที่เป็น ส.ส. ขอเรียกร้องให้เข้าประชุมสภามากกว่านี้ เพราะจำนวนครั้งของการลงมติของบุคคลเหล่านี้ห่างจากนายกฯ มาก

นายบุญยอดกล่าวว่า สำหรับ ส.ส.ที่น่าสนใจ พบว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ลงมติเพียง 1 ครั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ลงมติเพียง 1 ครั้งเช่นกัน ขณะที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ลงมติ 9 ครั้ง ร.ต.อ.เชาวริน ลัทธศักดิ์สิริ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยลงมติ 13 ครั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 38 ครั้ง นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน 71 ครั้ง นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผุ้แทนราษฎร 15 ครั้ง หากเทียบกันนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ป่วยต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ ได้ลงมติถึง 88 ครั้ง ส่วนนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หรือวอลเปเปอร์ ก็ลงมติถึง 88 ครั้งเช่นกัน

ทั้งนี้ยอมรับว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนที่ลงมติน้อยมีอยู่หลายคน โดยเฉพาะ ส.ส.ที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีด้วยที่จะได้คะแนนต่ำ เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ที่ลงมติเพียง 41 ครั้ง นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ 38 ครั้ง จึงอยากบอกว่าผลการศึกษานี้คือข้อเท็จจริงอยากให้บุคคลดังกล่าวได้เห็นข้อเท็จจริงและหันมาแบ่งเวลาให้กับการประชุมสภามากขึ้น

โดยเฉพาะนายจตุพรที่จะออกไปเป็นแกนนำในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ แต่กลับละเลยทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ โดยร่วมลงมติกฎหมายสำคัญเพียง 1 ครั้งเท่านั้น นายจตุพรรักประชาธิปไตยจริงหรือไม่ เหตุใดไม่มาทำหน้าที่ในสภา เพราะนายจตุพรรับเงินเดือนซึ่งมาจากภาษีของประชาชนเดือนละ 104,000 บาท เมื่อรวมกับเงินเดือนผู้ช่วยและที่ปรึกษาเป็นเดือนละ 174,000 บาท แต่ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา นายจตุพรลงมติเพียงครั้งเดียว แสดงให้เห็นว่าการจะให้นายจตุพรลงมติกฎหมายใดสักฉบับหนึ่ง จะต้องใช้เงินถึง 696,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น