xs
xsm
sm
md
lg

สารวัตรตึ้บอาม่ากร่าง! โบ้ยให้การชั้นศาล แถมขู่จดรายชื่อ กมธ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สารวัตรกระทืบอาม่าบนโรงพัก ยังกร่างในที่ประชุม กมธ.ตำรวจสภาฯ อวดเบ่งถ่ายรูปสื่อมวลชนเป็นหลักฐาน พร้อมขอใช้สิทธิตาม รธน.มาตรา 40 จดชื่อ กมธ.ทุกคน อ้างเป็นเด็กนายตำรวจใหญ่ ไม่ตอบคำถาม กมธ.แต่จะให้ปากคำชั้นศาลแทน ด้าน กมธ.สุดเอือมพฤติกรรม แค่เด็กหัวฝนใครแตะต้องไม่ได้ พร้อมยื่นหนังสือ สตช.ขอกำลังคุ้มกันพยาน

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาฯได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีนายยุทธนา กลิ่นขจร และน.ส.ธนิดา ศรีสุวรรณ หรืออาม่า ถูกกลุ่มบุคคลซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมอยู่ด้วยทำร้ายร่างกายบนสถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม จนทำให้เกิดความหวาดกลัวและไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งที่ประชุมได้เชิญคู่กรณี ทั้งอาม่า คือ น.ส.ธนิดาศรีสุวรรณ และพ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สารวัตรป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเจริญศิลป์ จ.สกลนคร รวมทั้ง ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช กก.3 บก.บก.ตปพ.(191) ผู้ถูกร้อง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ลัทธสัญญา เพียรสมภาร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะตัวแทนผบช.น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 พล.ต.ต.อุดม จำปาจันทร์ ผบก.ภ.สกลนคร ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และ พ.ต.ท.สุคนธ์ พัฒน์มณี รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเจริญศิลป์ รักษาการราชแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเจริญศิลป์ มาให้ข้อมูล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธนิดา ได้นั่งรถเข็นผู้ป่วยมาให้ปากคำในสภาพที่ยังบอบช้ำให้การไม่ได้ และได้มอบหมายให้นายยุทธนา กลิ่นขจร บุตรเขยเป็นผู้ให้การแทน ทั้งนี้ ในระหว่างที่ น.ส.ธนิดาและบุตรเขยเดินผ่าน 2 ตำรวจคู่กรณี ทางอาม่าได้ยกมือไหว้ทันที ก่อนที่จะเข้าไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการ

ทั้งนี้ นายยุทธนาได้ลำดับเหตุการณ์ที่ถูกรุมยำบน สน.เพชรเกษม พร้อมทั้งยืนยันว่า น.ส.ธนิดาหรืออาม่ามีความขัดแย้งกับลูกสะใภ้เรื่องบ้านจริง กรณีที่ถูกทำร้ายก็ไม่อยากที่จะเอาความเพราะเกรงจะมีปัญหา เนื่องจากขณะนี้ครอบครัวของตนได้ถูกฝ่ายตรงข้ามติดตามอย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคณะกรรมาธิการฯ ได้รับฟังคำชี้แจง ทำให้หลายคนต่างงุนงงว่าเหตุใดจึงจะยอมความกันได้ง่ายๆทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นคดีความทางอาญาแล้ว จึงได้สอบถามเหตุสาเหตุของการเปลี่ยนใจ

จากนั้น พ.ต.ต.อรรถวุฒิ พร้อมด้วย ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ได้เข้าชี้แจงเป็นลำดับต่อไป โดยก่อนการชี้แจง พ.ต.ต.อรรถวุฒิได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปสื่อมวลชนทุกคนที่เข้ามารับฟังการชี้แจง นอกจากนั้น พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ยังได้เอ่ยปากขอรายชื่อคณะกรรมาธิการการตำรวจฯทุกคนโดยให้เหตุผลว่า เป็นการใช้สิทธิป้องกันตัวเองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 40 และไม่ขอชี้แจงในชั้นกรรมาธิการฯ ทุกเรื่อง เพราะจะขอใช้สิทธิ์ไปชี้แจงในชั้นศาล

พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กล่าวต่อกรรมาธิการฯ ด้วยว่า ผู้ใหญ่ใน สตช.ได้กำชับไม่ให้ตนพูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร ก่อนหน้านี้ตนเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับรูปคดี และมีลักษณะเหมือนกันจัดฉาก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ได้รับฟังข้ออ้างของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิแล้ว ทำให้กรรมาธิการฯ หลายคนแสดงความไม่พอใจ ต่อพฤติกรรมของนายตำรวจผู้นี้ โดยเฉพาะนาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ต่อว่ากลางที่ประชุมว่าพฤติกรรมของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ แยกไม่ออกระหว่างหน้าที่ตำรวจและเรื่องส่วนตัว ถ้ายังเป็นตำรวจต่อไปเชื่อว่าไปไม่รอดแน่

ขณะที่ พล.ต.ต.ดิสสทัต ภิริปโชติ ที่ปรึกษา กมธ.และอดีตผู้ช่วย ผบช.น.กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นอดีตนายตำรวจ ยังรู้สึกอับอายกับการแสดงพฤติกรรมยโสโอหังเช่นนี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นเพียงแค่เด็กหัวฝน ใครแตะนิดหน่อยก็ฟัดทันที ถ้าอยู่ในหน้าที่ราชการต่อไปคงไปไม่รอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถูกกรรมาธิการฯ ต่อว่าเช่นนี้ก็ทำให้ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ถึงกับยกมือไหว้โดยให้เหตุผลว่า ที่แสดงพฤติกรรมโผงผางเพราะถูกซักถูกกดดันทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดี กลไกทางจิตจึงตอบโต้ออกไป

ด้าน ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ได้ตอบข้อซักถามของกรรมาธิการฯ กรณีการเช่าบ้านของอาม่าว่ามีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ และมีเหตุจูงใจที่มากกว่าข่าวที่ปรากฏหรือไม่จึงทำให้เกิดการกระทำรุนแรงเช่นนี้ขึ้น ซึ่ง ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ยืนยันว่า ตนและเพื่อนได้เช่าบ้านหลังดังกล่าวจริงแต่ไม่รู้ว่าเป็นบ้านของอาม่าหรือไม่ โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 2 หมื่นบาท และมีรายได้จากการเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำให้มีรายได้เดือนละเกือบ 5 หมื่นบาท

ด้าน พล.ต.ต.อุดม จำปาจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สกลนคร ชี้แจงว่า วันศุกร์ที่ 11 ธ.ค.นี้จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ขณะนี้มีข้อมูลที่จะดำเนินการได้ แม้ว่าตนจะมีอำนาจสั่งปลดออกจากราชการได้ แต่สำหรับนายตำรวจคนนี้ต้องตั้งการ์ดแน่นพอสมควร เพราะไม่ธรรมดา ทำอะไรจึงต้องครบถ้วนรัดกุม อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อุดม ได้ชี้แจงกรณีที่เคยออกมาการันตีว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ มีประวัติดี ได้เลื่อนตำแหน่ง 2 ขั้นมาตลอดว่า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทุกฝ่ายก็โยนกลับมาที่ จ.สกลนครทั้งหมด ทั้งที่นายตำรวจคนดังกล่าวถูกขอตัวไปช่วยราชการที่ สตช. ตนจึงตอบไปตามข้อมูลที่ปรากฏ เพราะได้ดูประวัติแล้วก็เหตุว่าพอสมควรอยู่ แต่พฤติกรรมจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง

เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.สุคนธ์ พัฒน์มณี รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเจริญศิลป์ ระบุว่านายตำรวจคนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในพื้นที่สกลนคร เพราะมีคำสั่งของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ได้ขอตัวมาช่วยราชการที่ สตช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการประชุม กรรมาธิการหลายคนได้ซักถามถึงมูลเหตุจูงใจที่แท้จริงของเหตุการณ์ ซึ่ง พ.ต.ท.สมเกียรติ เริงหิรัญ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม ชี้แจงว่า เบื้องต้นพบว่าบุตรชายและลูกสะใภ้ของอาม่ามีเรื่องทะเลาะกันก่อน ถึงขนาดลูกสะใภ้ได้เข้าแจ้งความต่อ สน.เพชรเกษม ว่าสามีพยายามฆ่า

ขณะที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในฐานะเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับลูกสะใภ้อาม่า ซึ่งอาม่าสงสารหลาน 2 คนที่เกิดกับลูกชายและลูกสะใภ้ จึงไม่อยากให้ทั้งคู่เลิกรากันและพยายามเจรจากับลูกสะใภ้มาตลอด

ภายหลังการชี้แจง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาฯ กล่าวว่า จะทำหนังสือถึง สตช.เพื่อขอกำลังตำรวจมาดูแลคุ้มครองพยาน เนื่องจากเพียงแค่รับฟังคำชี้แจงของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ มาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ทำให้พอทราบว่าไม่ธรรมดา แม้แต่กรรมาธิการฯ เองยังไม่กล้าจะมอบรายชื่อให้ตามที่ขอ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเหมือนกันยืนยันจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปจนถึงชั้นศาล












กำลังโหลดความคิดเห็น