คณะทำงานด้านเศรษฐกิฐเพื่อไทย ใช้คำสั่งศาลปกครองสูงสุดสั่งระงับ 65 โครงการมาบตาพุด โจมตีรัฐบาลยืดยาดในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม จี้เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจ ปากดีเกรงกระทบเป็นลูกโซ่ แขวะนโยบายแก้หนี้นอกระบบทำผิดหลักตั้งแต่แรก
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ระงับโครงการอุตสาหกรรมในมาบตาพุดจำนวน 65 โครงการ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนว่า พรรคเพื่อไทยเคยเตือนรัฐบาลให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าวมานานแล้ว จนกระทั่งศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว รัฐบาลเพิ่งจะมาตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นคณะกรรมการแก้ปัญหาดังกล่าว คำสั่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 67 วรรค 2 ดังนั้นในแง่ของธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน โดยเฉพาะความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลจึงควรทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ 2 ประเด็น คือ 1.รัฐบาลดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างถูกต้องภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ 2.จะมีขั้นตอนในการสร้างความมั่นใจและการประชาสัมพันธ์ที่ชัดเจนอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านธุรกิจ เพราะอาจจะกระทบกับโครงการอื่นไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 ธ.ค.คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อหารือถึงกรณีดังกล่าวด้วย
นายปานปรีย์ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลด้วยว่า พรรคเพื่อไทยมองว่า หลักการของนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลคิดนั้นไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก เนื่องจากรัฐบาลไปสร้างหนี้เพิ่มภาระให้กับประชาชนอีกต่อหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าประชาชนที่รัฐบาลจะช่วยเหลือนั้น เป็นหนี้หรือเดือดร้อนจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นการอุ้มกลุ่มเจ้าหนี้ ที่กระทำผิดกฎหมาย ดังนั้นควรต้องแยกประเภทลูกหนี้ให้ชัดเจนก่อน จากนั้นต้องไปจัดการเจ้าหนี้ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ ดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ใช่ไปช่วยเหลือผู้ที่ฉกฉวยโอกาส เพราะถือเป็นการทำผิดที่ร้ายแรง
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ระงับโครงการอุตสาหกรรมในมาบตาพุดจำนวน 65 โครงการ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนว่า พรรคเพื่อไทยเคยเตือนรัฐบาลให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าวมานานแล้ว จนกระทั่งศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว รัฐบาลเพิ่งจะมาตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นคณะกรรมการแก้ปัญหาดังกล่าว คำสั่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 67 วรรค 2 ดังนั้นในแง่ของธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน โดยเฉพาะความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลจึงควรทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ 2 ประเด็น คือ 1.รัฐบาลดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างถูกต้องภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ 2.จะมีขั้นตอนในการสร้างความมั่นใจและการประชาสัมพันธ์ที่ชัดเจนอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านธุรกิจ เพราะอาจจะกระทบกับโครงการอื่นไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 ธ.ค.คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อหารือถึงกรณีดังกล่าวด้วย
นายปานปรีย์ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลด้วยว่า พรรคเพื่อไทยมองว่า หลักการของนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลคิดนั้นไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก เนื่องจากรัฐบาลไปสร้างหนี้เพิ่มภาระให้กับประชาชนอีกต่อหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าประชาชนที่รัฐบาลจะช่วยเหลือนั้น เป็นหนี้หรือเดือดร้อนจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นการอุ้มกลุ่มเจ้าหนี้ ที่กระทำผิดกฎหมาย ดังนั้นควรต้องแยกประเภทลูกหนี้ให้ชัดเจนก่อน จากนั้นต้องไปจัดการเจ้าหนี้ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ ดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ใช่ไปช่วยเหลือผู้ที่ฉกฉวยโอกาส เพราะถือเป็นการทำผิดที่ร้ายแรง
