นายกฯยังไม่ทบทวนประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง โยนให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้ขาด สั่งตำรวจเชียงใหม่อย่ายอมจำนน จากการกดดันกลุ่มเสื้อแดง ปิดปากเงียบ “แม้ว” เชิญไปกินอูฐ ไม่รู้เรื่อง “แม้ว” เปลี่ยนชื่อ เดินหน้าแก้ รธน.ทำประชามติทีละมาตรา
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หลังกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศเลิกการชุมนุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ว่า ขณะนี้ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง รายงานให้ตนทราบ คือ มีการประกาศใช้ แต่ยังไม่มีการจัดกำลังและกำลังทั้งหมดยังอยู่ในที่ตั้ง ซึ่งสามารถที่จะระดมมาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เมื่อดูเหตุการณ์อีกระยะหนึ่งแล้วจะมีการทบทวนหรือไม่ก็สามารถนำเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ คิดว่าทางนายสุเทพคงจะรายงานมาให้ทราบว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะล่าสุดในการตรวจค้นบ้านแกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ พบระเบิดปิงปอง และอาวุธจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็พยายามย้ำว่าเรื่องของการเคลื่อนไหว ขออย่าให้มีเรื่องของความรุนแรง หรือการใช้อาวุธ ส่วนที่ตรวจพบอาวุธต่างๆ นั้น ก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่เราก็เห็นว่ามีคนบางกลุ่มเคลื่อนไหวอย่างที่ตนบอกว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา แต่มีคนบางกลุ่มที่ต้องการใช้วิธีการรุนแรง เราต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้น ไม่เช่นนั้น จะทำให้กระทบกระเทือนต่อทั้งระบบและภาพลักษณ์ของประเทศ
ผู้สื่อถามว่า แต่ขณะนี้มีความพยายามกดดันเจ้าหน้าที่ ล่าสุด กลุ่มผู้ชุมนุมได้ไปล้อม สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อขับไล่ พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผกก.สภ.เชียงใหม่ หลังศาลไม่อนุมัติออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ ว่า ในส่วนของฝ่ายบริหาร จะต้องรักษาความถูกต้อง อย่าไปจำนนกับแรงกดดันในลักษณะดังกล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่มีการรายงานกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนชื่อ เพราะกระทรวงการต่างประเทศจะไม่มีการรายงานเรื่องแบบนี้ เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือยัง นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไปกินอูฐนั้น คิดว่า มีความหมายอะไรแอบแฝง นายอภิสิทธิ์ ได้แต่ยิ้มแต่ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งล่าสุด พรรคชาติไทยพัฒนาออกมาทวงถาม ว่า ขณะนี้คณะทำงานได้ทำร่างเสร็จแล้ว และกลับไปปรับปรุงอีกรอบ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ประธานวิปรัฐบาลก็ได้ส่งร่างมาให้ตน และคงจำได้ว่าเราพยายามทำเรื่องนี้เพื่อความสมานฉันท์ จึงอยากพยายามดึงพรรคฝ่ายค้านเข้ามาร่วมในกระบวนการ เพราะเดิมการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มาจากฝ่ายค้าน และการแก้ไขก็มีการถกเถียงกันมาก การแก้ไขที่ได้รับความเห็นชอบจากทุกพรรค ในกลไกก็มีอันนี้เพียงอันเดียว เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ฝ่ายค้านกลับมาร่วมในกระบวนการ เพราะถ้าเดินต่อไปแล้วฝ่ายค้านก็บอกว่าไม่พอใจ ผู้ที่ชุมนุมเรียกร้องต่อต้าน ก็ยังหยิบยกเรื่องรัฐธรรมนูญขึ้นมา ก็จะเกิดคำถามกับคนที่ไม่เห็นด้วยว่า แล้วจะไปแก้ไขไปเพื่ออะไรเพื่อใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฝ่ายค้านมายอมเข้าร่วมจริงๆ จะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็จะพยายามดึงมาให้ร่วมให้ได้ เมื่อถามว่า ยังคงยึดการทำประชามติต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า ใช่ ไม่ว่าจะอย่างไรต้องให้ประชาชนเห็นชอบด้วย
เมื่อถามว่า การทำประชามติจะทำเป็นรายมาตราหรือทำทีเดียวทั้งฉบับ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำประชามติต้องถามเป็นประเด็น ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ทราบว่าอยากให้แก้ไขประเด็นไหนหรือไม่อย่างไร แต่ขณะนี้อยากให้ฝ่ายค้านมาร่วมก่อน