วุฒิสภา ลงมติเลือก กทช.ครบทั้ง 4 คน โดยเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ “สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร” นั่งเป็น กทช.แทนตำแหน่งที่ว่างด้วยการลาออก ขณะที่อีก 3 คน นั่งแทนที่ว่างกรณีพ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ “พ.อ.นที ศุกลรัตน์” “นายบัณฑูร สุภัควณิช” และ “นายพนา ทองมีอาคม”
วันนี้ (23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมี นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมวาระการเลือกกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) แทนตำแหน่งที่ว่างโดยการลาออก 1 ตำแหน่ง โดยมีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 2 คน คือ นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ กทช.และ พล.อ.ชูชาติ สุขสงวน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของ กทช.อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงแรกเป็นการประชุมโดยเปิดเผยเพื่อพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อ ซึ่งมีการอภิปรายประมาณ 1 ชั่วโมง โดยมีประเด็นน่าสนใจ อาทิ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก ว่า มีการนำผู้สมัครบางคนมาขอเสียงสนับสนุน และแจกเอกสารแนะนำตัวหลังห้องทานอาหารของสมาชิกในช่วงที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขอให้คณะกมธ.ตรวจสอบประวัติ ชี้แจงด้วยเพราะปฏิเสธรับเป็นเรื่องร้องเรียน ส่วน นายธวัช บวรวนิชยกูร ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กมธ.ได้ขอข้อมูลไปยังองค์กรต่างๆ ไม่ได้มีการส่งข้อมูลมา แต่ภายหลังวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทำไมมีการส่งเอกสารจาก สตง.มา และส่งให้สมาชิกที่บ้าน โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับนายสุรนันท์ ถึง 5 ประเด็น จึงสงสัยว่า มีกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ได้รับการเสนอชื่อหรือไม่
ขณะที่ นายอนันต์ วรธิติพงศ์ ส.ว.สรรหา เลขานุการ กมธ.ชี้แจงว่า เอกสารดังกล่าวตนไม่ได้รับ และคิดว่าข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ถูกพาดพิงเพราะไม่มีโอกาสได้ชี้แจง อย่างไรก็ดี การทำงานของ กมธ.ได้ตรวจสอบประวัติ และความประพฤติ โดยได้ข้อมูลจาก 17 องค์กร และจะขอชี้แจงในการประชุมลับ ทำให้ นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เอกสารที่มาภายหลังโดยที่ผู้ได้รับการเสนอไม่ได้ชี้แจง ถือว่า ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกกล่าวหา จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
จากนั้นเป็นการประชุมลับใช้เวลา 30 นาที ก่อนที่จะลงมติด้วยการใช้บัตรลงคะแนนลับ ซึ่งต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ ต้องได้ 76 เสียงขึ้นไป หากรอบแรกได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ให้ลงคะแนนลับรอบที่สองทันทีโดยต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งเช่นกัน หากไม่ได้ให้วุฒิสภาส่งชื่อกลับไปให้คณะกรรมการสรรหา สรรหาผู้สมควรเป็น กทช.มาใหม่ ทั้งนี้ การลงคะแนนลับรอบแรก ผลปรากฏว่า นายสุรนันท์ ได้ 69 คะแนน พล.อ.ชูชาติ ได้ 56 คะแนน งดออกเสียง 17 คะแนน ทำให้ต้องมีการลงคะแนนลับรอบสอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนลงคะแนน พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง ขอหารือว่า วุฒิสภาเคยเลือก กทช. โดยลงคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่งมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ทำให้การเลือกกทช.ล่าช้ามา 1 ปี ขณะที่ กทช.มีความสำคัญมาก ขณะนี้ก็มีเค้าลางว่า อาจจะได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งอีกครั้งทำให้ต้องมีการสรรหามาใหม่ จึงขอหารือว่า มีทางออกอื่นอย่างไรบ้างในเรื่องนี้ ทำให้ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมแจ้งว่า ในที่ประชุมกมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) เห็นปัญหาและหารือเรื่องนี้ และเห็นว่า ใครได้คะแนนสูงกว่าในรอบแรก ส.ว.ก็มีสัญญาสุภาพบุรุษกันอยู่ จากนั้นจึงมีการลงคะแนนลับรองสอง ผลปรากฏว่า นายสุรนันท์ ได้ 82 คะแนน พล.อ.ชูชาติ ได้ 42 งดออกเสียง 17 คะแนน ทำให้นายสุรนันท์ ได้รับเลือกเป็น กทช.ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นการตรวจสอบเอกสารอีกครั้ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภา จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
ทั้งนี้ นายสุรนันท์ เกิดวันที่ 14 เมษายน 2495 อายุ 57 ปี สมรสกับนาง รัชนี กัลยาณคุณาวุฒิ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จบการศึกษา เศรษฐศาสตร์บัณฑิต สาขาการเงินและการคลังจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์พัฒนาการ จาก Williams College สหรัฐอเมริกา ปริญญาบัตร วปอ.หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชนปี 2545 หลักสูตร ITU Executive High level Training for Regulators and Policy Makers สถาบัน International Telecommunication Union (ITU) ประเทศฮ่องกง หลักสูตร Effective Regulation in a Boardband World Executive level Training for Regulators สถาบัน ITU ประเทศตูนิเซีย อบรมและดูงานด้านนโยบายและการวางแผนโทรคมนาคมและการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ สถาบัน SICA ประเทศญี่ปุ่น เคยดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.กองโครงสร้างพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้ช่วยเลขาธิการ สศช.ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สศช.และ 2548-ปัจจุบัน เป็นเลขาธิการ กทช.
จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือก กทช.แทนตำแหน่งที่ว่างกรณีกรรมการพ้นตำแหน่ง โดยมีการจับสลาก 3 คน แต่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน ได้แก่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ นายธรรมนูญ จุลมณีโชติ พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์ นายบัณฑูร สุภัควณิช นายพนา ทองมีอาคม และนางนรีวรรณ จินตกานนท์ เก่งเรียน ทั้งนี้ มีการประชุมลับ ใช้เวลานาน 45 นาที ก่อนที่จะลงมติด้วยการใช้บัตรลงคะแนนลับ ซึ่งต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ ต้องได้ 76 เสียงขึ้นไป หากรอบแรกได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ให้ลงคะแนนลับรอบที่สองทันทีโดยต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งเช่นกัน หากไม่ได้ ให้วุฒิสภาส่งชื่อกลับไปให้คณะกรรมการสรรหา สรรหาผู้สมควรเป็นกทช.มาใหม่
อย่างไรก็ตาม ในการลงคะแนนลับรอบแรก ผลปรากฏ พ.อ.นที ได้ 117 เสียง นายบัณฑูร ได้ 83 คะแนน นายพนา ได้ 75 คะแนน พล.ร.อ.สุรินทร์ ได้ 52 คะแนนนางนรีวรรณ ได้ 48 คะแนน นายธรรมนูญ ได้ 26 คะแนน ทำให้ รอบแรกถือว่า มี 2 คน ได้รับเลือกคือ พ.อ.นที และ นายบัณฑูร
ส่วนการลงคะแนนรอบสอง อีก 1 ตำแหน่ง ปรากฏว่า นายพนา ได้ 109 คะแนน พล.ร.อ.สุรินทร์ ได้ 19 คะแนน นายธรรมนูญ ได้ 4 คะแนน นางนรีวรรณ ได้ 2 คะแนน ทำให้นายพนา ได้รับเลือกเป็น กทช.ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นการตรวจสอบเอกสารของผู้ได้รับเลือกทั้งสามคนอีกครั้ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภา จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป