xs
xsm
sm
md
lg

“เด็จพี่” แหกปาก! ร้อง ครม.ทบทวนมติถอน MOU ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
โฆษกเพื่อไทย ร้องโวยวายหากรัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในระหว่างนายกฯลงพื้นที่เชียงใหม่ แนะให้ใช้โฟนอินแทน จี้ สอบจริยธรรม “กอร์ปศักดิ์” กรณีนักธุรกิจของชาวสวิส เจอข้อหาโกงค่าไฟฟ้า นั่งเทียนเพ้อเจ้อวอนนายกทบทวนมติ ครม.ยกเลิกเอ็มโอยูพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลใหม่ เชื่อใช้อคติเหนือเหตุผล

วันนี้ (22 พ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ทางวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลออก พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อป้องกันความวุ่นวายขณะที่นายกฯลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ว่า รัฐบาลอย่าบ้าจี้ตามวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ที่มาเสมอแบบบ้าจี้ วันนี้ประชาชนเขามีความวิตก และที่สำคัญ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวกำลังมาท่องเที่ยวกัน และที่ จ.เชียงใหม่ กำลังหนาว และเข้าช่วงฤดูการท่องเที่ยว นายกฯเดินทางไปเชียงใหม่แค่วันเดียว แล้วไปประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง หากนายกฯบ้าจี้ทำตามวอร์รูมนั้น นอกจากรัฐบาลไม่รู้วิธีหาเงินแล้ว ยังทำลายวิธีการหาเงิน เพราะนักลงทุนเขาจะเสียหาย เพราะขณะนี้เขาไปลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกรณีที่ทางที่วิทยุชุมชนเชียงใหม่พูดเชิญชวนประชาชนต่อต้านนายกฯนั้น เป็นการพูดแบบวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ชอบรัฐบาลที่บริหารงานล้มเหลว และบริหารเป็นสองมาตรฐาน แต่พรรคประชาธิปัตย์เอาสถานการณ์เล็กๆ น้อยๆ มาเป็นเรื่องใหญ่เพื่อให้ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เป้าหมายคือ กดดันม็อบ หากรัฐประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงที่เชียงใหม่ จะเป็นการท้าทายประชาชน หากนายอภิสิทธิ์ไปเชียงใหม่จริง และประชาชนไม่ต้อนรับก็ควรใช้วิดีโอโฟนลิงค์ หรือโฟนอินก็ได้ จะเดินทางไปท้าทายทำไม

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนของนักธุรกิจของชาวสวิสเซอร์แลนด์ในเรื่องกฎหมายและจริยธรรมของ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในกรณีการเช่าคฤหาสน์จนเกิดปัญหาทำให้นักลงทุนต่างชาติว่า Mr.Loel Guinness และภริยา ได้ทำการเช่าบ้าน เลขที่5/115 หมู่ 5 ถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 โดยคิดค่าเช่า 4.5 แสนบาทต่อเดือน โดยแยกเป็น 3 สัญญา คือ สัญญาบริการ สัญญาเช่าบ้านพักอาศัย สัญญาเช่าเฟอร์นิเจอร์และอุกรณ์เครื่องใน การเช่า 2 ปีรายได้สูงถึง 10 ล้านบาท ซึ่งทางผู้เช่าได้สอบถามว่าทำไมต้องแยกเป็น 3 สัญญา นายกอร์ปศักดิ์อธิบายว่า ที่ไม่ทำสัญญาเดียว เพราะเกี่ยวกับการเสียภาษีรายได้ให้กับรัฐ ถ้าหากทำสัญญาเดียว ทำให้เสียภาษีเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องซอยย่อยเพื่อให้การเสียภาษีลดลง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ผู้เช่าได้ทำการเช่าบ้านแล้วภายหลังได้เกิดปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าแพง เพราะผู้เช่าไม่ได้มาอยู่เมืองไทย ปีหนึ่งอยู่เพียงแค่ 2-3 เดือน ซึ่งทางนายกอร์ปศักดิ์ รับปากจะจัดการเรื่องไฟฟ้าให้ถูกลงต่อมาการไฟฟ้าได้ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตโกงการใช้ไฟฟ้าในบ้านเลขที่ 5/115 จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สถานีตำรวจ จ.นนทบุรี เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 3 แสนบาท ทำให้ผู้เช่าถูกร้องดำเนินคดีส่วนนายกอปร์ศักดิ์ปฎิเสธความรับผิดชอบให้เป็นเรื่องของผู้เช่า ปัญหาคือผู้เช่าถูกแจ้งความดำเนินคดี

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบจริยธรรมของนายกอร์ปศักดิ์ และตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายขโมยใช้ไฟ อย่างไรก็ตามตนและทีมกฎหมายจะรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อยื่นถอดถอนนายกอร์ปศักดิ์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา270 กรณีผิดจริยธรรมร้ายแรง

นายพร้อมพงศ์ ได้นำภาพถ่าย นายอภิสิทธิ์ ไปร่วมงานแต่งงานของ นายอรรถวิชช สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และมี นางภคินี สุวรรณภักดี มารดาของนายอรรถวิชช ซึ่งได้ถูกศาลอาญากรุงเทพ ออกหมายจับคดีการยักยอกเงิน ธ.มหานคร 4 พันล้าน ร่วมถ่ายภาพอยู่ด้วยว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ ไปร่วมงาน โดยมี นางภคินี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับกล้าปรากฏตัวในงานและถ่ายรูปคู่กับนายอภิสิทธิ์ย่อมต้องมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองจากนายอภิสิทธิ์ และไม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ซึ่งทราบว่าในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องการเข้าไปจับกุมตัวนางภคินี แต่เพราะเกรงใจนายกฯจึงไม่กล้าเข้าไปจับกุม การกระทำของนายอภิสิทธ์จึงส่อว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการช่วยเหลือมิให้ผู้ต้องหาถูกจับกุมด้วย ขณะที่ นายอรรถวิชช ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในงานแต่งงาน มารดาไม่ได้เดินทางไปด้วย ซึ่งวัฒนธรรมคนไทย ไม่ว่ามารดาจะเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ การออกมาระบุเช่นนี้ถือว่าถือว่าอกตัญญูหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า วันที่ 23 พ.ย.2552 พร้อมกับเครือข่ายชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่ายจะดำเนินการ คือ 1.ไปยื่นเรือ่งต่อ ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 2.ขอให้นายกฯเร่งรัดคดีเพื่อเอาผิดต่อนางภคินี 3.จะเดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นเรื่องขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนางภคินีและ4.จะไปยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้บอกกล่าวนายอภิสิทธิ์ให้ปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย

นายพร้อมพงศ์ เรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ ถอนเรื่องการยกเลิกบันทึกข้อตกลง การเจราจาเขตพื้นที่ทับซ้อน ทางทะเลระหว่างไทยกัมพูชา หรือ MOU ออกจากรัฐสภา และมีมีมติ ครม.ใหม่ให้ยกเลิกมติ ครม.เดิม เพราะขณะนี้เป็นที่ยอมรับแล้วว่าการตัดสินใจดังกล่าว ของนายอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องผิดพลาดร้ายแรงเป็นการทำให้ประเทศเสียหาย และเสียประโยชน์มาก ซึ่งการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ที่ใช้อารมณ์ และอคติอยู่เหนือเหตุผลดังกล่าว ครั้งแรกนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า เป็นเพราะความผิดของนายฮุนเซ็นนายกฯกัมพูชา และ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้ต้องยกเลิกเอ็มโอยู แต่ภายหลังมีนักวิชาการออกมาท้วงติง ทำให้นายอภิสิทธิ์เปลี่ยนท่าทีว่า เหตุที่ยกเลิกไม่ได้เกี่ยวกับกรณีการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา กรณีนี้จึงเท่ากับว่านายกฯยอมรับถึงความผิดพลาดในการตัดสินใจดังกล่าวแสดงให้เห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธิ์ ว่า ได้นำอคติ และความเกลียดชังส่วนตัว ที่มีต่อพ.ต.ท.ทักษิณมาแลกกับผลประโยชน์และความเสียหายของชาติ ดังนั้น หากนายกฯไม่ยกเลิก แต่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบให้ยกเลิกเอ็มโอยู ดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ และ ครม.ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯเตรียมประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ว่า จากการที่รัฐบาลได้มีให้ประชาชนลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวการบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ต้นเหตุคือประชาชนมีรายได้ไม่พอรายจ่าย และวันนี้ประชาชนต้องหนีเสือปะจระเข้ เพราะต้องเจอดอกเบี้ยของรัฐเดือนละหนึ่งบาท ซึ่งเรื่องนี้เป็นแค่การชะลอหนี้ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาหนี้ของประชาชน ซึ่งจะทำให้มีการสวมสิทธิ์และโกงกันอีก และเชื่อว่า ถ้ารัฐบาลนี้อยู่ยาวจะขึ้นภาษีแน่นอนเพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น