อดีต หน.ศรภ.แฉพล็อตเรื่องเขมรจับวิศวกรไทย "ฮุนเซน"หวังเรียกความนิยม ปชช.เขมร ยัดข้อหาไทยเข้าแทรกแซง วางหมากชู “แม้ว” เป็นฮีโร่ ก่อนคืนดีกับไทย เตือน“มาร์ค” อย่าหลงอ่อนข้อเพราะเป็นคนละประเด็น หนุนเตรียมพร้อมรบ โชว์ศักยภาพทหารไทย แต่หวั่น รบ.เจอศึก 2 ด้าน “ม็อบแดง-ชายแดนไทยเขมร” สิ้นเดือนนี้
วันนี้ (18 พ.ย.) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ได้ทวิตเตอร์ว่าพร้อมช่วยเจรจาช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมในข้อหาจารกรรม ว่า เป็นเกมการเมืองอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยระบุในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาปาฐกถาเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ประเทศกัมพูชา ที่ผ่านมาแล้ว ว่า เกมต่อไปกัมพูชาจะต้องสร้างสถานการณ์ความรุนแรงอะไรบางอย่างขึ้นมา เพื่อพลิกเกมกลับมาคืนดีกับไทย ซึ่งการที่กัมพูชาจับกุมนายศิวรักษ์ ได้แสดงให้เห็นว่า เป็นการเดินเกมทางการเมือง ตนเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง 3 ประเด็น คือ 1.ฮุนเซน ต้องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนของเขาทราบว่า รัฐบาลไทยได้เข้าไปแทรกแซงรุกรานกิจการภายในประเทศกัมพูชาเช่นกัน ด้วยการกล่าวหาจับกุมคนไทยข้อหาจารกรรมข้อมูลภายในประเทศกัมพูชา
พล.ท.นันทเดช กล่าวอีกว่า 2. ฮุนเซน ต้องการใช้นายศิวรักษ์ต่อรองทางการเมืองเพื่อสร้างบทบาทให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ ด้วยการเข้าเจรจากับกัมพูชาเพื่อช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเกมที่อ่านได้ง่ายมาก แต่มันจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ทางบวกว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาให้กัมพูชา จะเกิดประโยชน์ต่อไทย อีกทั้งยังเป็นคนช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า มีความชอบในการเป็นที่ปรึกษาให้กัมพูชา และ3.ฮุนเซน อาจต้องการจุดชนวนให้ไทยคืนดีกับกัมพูชา ดังนั้น ตนจึงขอให้รัฐบาลไทยตั้งสติว่าเรื่องการจับกุม นายศิวรักษ์ กับการเจรจาคืนดีกับกัมพูชาเป็นคนละเรื่องกันอย่าหลงเข้าวังวนเกมที่พวกเขาวางเอาไว้ ซึ่งตนกังวลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะหลงเดินเข้าเกมพวกเขา เพราะจากการให้สัมภาษณ์ต่อผ่านสื่อมวลชน มีการพูดถึงเรื่องนี้มากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาลได้เพราะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางหมากเอาไว้ เพื่อดึงนายอภิสิทธิ์โยงเรื่องสองเรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
“จุดจบเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชา มี 2 ทางขึ้นกับรัฐบาลจะเลือกจบทางไหน หากเลือกทางจุดแข็งด้วยการประกาศให้ฮุนเซน ยุติการดึง พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาร่วมทางการเมืองในกัมพูชาเหมือนที่ผ่านมาอีก ก็พร้อมจะเจรจาด้วย และจุดอ่อนคือ การเจรจาแบบภายในกับกัมพูชาเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะเลือกทางนี้มากกว่า เพราะเชื่อว่ากัมพูชา พร้อมเจรจาเป็นการภายในอยู่แล้ว แต่จะประกาศต่อสังคมโลกกัมพูชาไม่ทำอย่างแน่นอน” พล.ท.นันทเดช กล่าว
พล.ท.นันทเดช กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทยเตรียมพร้อมวางแผนพร้อมรบทุกทิศทาง ว่า ตนเห็นด้วยที่มีการเตรียมพร้อมรบ และประชาชนควรรู้สึกภูมิใจและดีใจที่รัฐบาลไทยแสดงความเข้มแข็งให้เห็น เพราะความพร้อมทางทหารจะเป็นปัจจัยชี้ขาดของปัญหา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทหารเรามีความเข้มแข็ง จะเห็นว่า กัมพูชาจะเฉยๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความเข้มแข็งเด็ดขาดให้เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ตนหวั่นจะเกิดเรื่องความรุนแรงในช่วงม็อบเสื้อแดงชุมนุมในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ด้วยการนัดรวมพลขับไล่รัฐบาล ขณะเดียวกัน ก็เกิดสงครามชายแดนกับกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลจะยากในการควบคุมเหตุร้ายได้
วันนี้ (18 พ.ย.) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ได้ทวิตเตอร์ว่าพร้อมช่วยเจรจาช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมในข้อหาจารกรรม ว่า เป็นเกมการเมืองอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยระบุในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาปาฐกถาเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ประเทศกัมพูชา ที่ผ่านมาแล้ว ว่า เกมต่อไปกัมพูชาจะต้องสร้างสถานการณ์ความรุนแรงอะไรบางอย่างขึ้นมา เพื่อพลิกเกมกลับมาคืนดีกับไทย ซึ่งการที่กัมพูชาจับกุมนายศิวรักษ์ ได้แสดงให้เห็นว่า เป็นการเดินเกมทางการเมือง ตนเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง 3 ประเด็น คือ 1.ฮุนเซน ต้องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนของเขาทราบว่า รัฐบาลไทยได้เข้าไปแทรกแซงรุกรานกิจการภายในประเทศกัมพูชาเช่นกัน ด้วยการกล่าวหาจับกุมคนไทยข้อหาจารกรรมข้อมูลภายในประเทศกัมพูชา
พล.ท.นันทเดช กล่าวอีกว่า 2. ฮุนเซน ต้องการใช้นายศิวรักษ์ต่อรองทางการเมืองเพื่อสร้างบทบาทให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ ด้วยการเข้าเจรจากับกัมพูชาเพื่อช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเกมที่อ่านได้ง่ายมาก แต่มันจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ทางบวกว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาให้กัมพูชา จะเกิดประโยชน์ต่อไทย อีกทั้งยังเป็นคนช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า มีความชอบในการเป็นที่ปรึกษาให้กัมพูชา และ3.ฮุนเซน อาจต้องการจุดชนวนให้ไทยคืนดีกับกัมพูชา ดังนั้น ตนจึงขอให้รัฐบาลไทยตั้งสติว่าเรื่องการจับกุม นายศิวรักษ์ กับการเจรจาคืนดีกับกัมพูชาเป็นคนละเรื่องกันอย่าหลงเข้าวังวนเกมที่พวกเขาวางเอาไว้ ซึ่งตนกังวลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะหลงเดินเข้าเกมพวกเขา เพราะจากการให้สัมภาษณ์ต่อผ่านสื่อมวลชน มีการพูดถึงเรื่องนี้มากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาลได้เพราะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางหมากเอาไว้ เพื่อดึงนายอภิสิทธิ์โยงเรื่องสองเรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
“จุดจบเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชา มี 2 ทางขึ้นกับรัฐบาลจะเลือกจบทางไหน หากเลือกทางจุดแข็งด้วยการประกาศให้ฮุนเซน ยุติการดึง พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาร่วมทางการเมืองในกัมพูชาเหมือนที่ผ่านมาอีก ก็พร้อมจะเจรจาด้วย และจุดอ่อนคือ การเจรจาแบบภายในกับกัมพูชาเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะเลือกทางนี้มากกว่า เพราะเชื่อว่ากัมพูชา พร้อมเจรจาเป็นการภายในอยู่แล้ว แต่จะประกาศต่อสังคมโลกกัมพูชาไม่ทำอย่างแน่นอน” พล.ท.นันทเดช กล่าว
พล.ท.นันทเดช กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทยเตรียมพร้อมวางแผนพร้อมรบทุกทิศทาง ว่า ตนเห็นด้วยที่มีการเตรียมพร้อมรบ และประชาชนควรรู้สึกภูมิใจและดีใจที่รัฐบาลไทยแสดงความเข้มแข็งให้เห็น เพราะความพร้อมทางทหารจะเป็นปัจจัยชี้ขาดของปัญหา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทหารเรามีความเข้มแข็ง จะเห็นว่า กัมพูชาจะเฉยๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความเข้มแข็งเด็ดขาดให้เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ตนหวั่นจะเกิดเรื่องความรุนแรงในช่วงม็อบเสื้อแดงชุมนุมในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ด้วยการนัดรวมพลขับไล่รัฐบาล ขณะเดียวกัน ก็เกิดสงครามชายแดนกับกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลจะยากในการควบคุมเหตุร้ายได้
