xs
xsm
sm
md
lg

มท.3 ร่ายปมแจงยุบ ทรท.สะกิด “พัลลภ” ระวังโดนถอนหงอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถาวร เสนเนียม
รองเลขาธิการ ปชป.นั่งไม่ติด ยกเหตุผลแจงเหตุยุบพรรค ทรท. เชื่อแผนเพื่อไทยส่งทหารแก่รับงานกลบเกลื่อน “พ่อแม้ว” จาบจ้วงเบื้องสูง เชื่อคำพิพากษาเป็นที่ยุติแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สะกิด “พัลลภ” ระวังโดนถอนหงอก เตือนอย่าเชื่อเด็กให้มาก เย้ยยิ่งดิ้นยิ่งอาย

วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนการประชุม ครม.ถึงกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตรอง ผอ.รมน.ได้นำพยานมาเปิดโปงว่า นายถาวร กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานให้ยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้วว่า วันหนึ่งมีชายไทย 3 คนได้เดินทางมาหาตนพร้อมกับบอกว่ากำลังเดือดร้อน เนื่องจากบุคคลที่รับจ้างลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าใจผิดว่าอมเงินจากการที่เป็นนายหน้าหาผู้สมัครแข่งกับพรรคไทยรักไทย ซึ่งผู้ลงสมัครยังไม่ได้รับเงินตามที่ผู้บริหารพรรคไทยรักไทยรับปากไว้ แล้วบุคคลเหล่านั้นกำลังตามล่าหาตัวอยู่ จึงจำเป็นจะต้องหาทางออกโดยการมาบอกความจริงกับตนและพรรคประชาธิปัตย์รับทราบ เพื่อที่จะให้สาธารณชนรับทราบว่าผิดไปแล้ว ประกอบกับจะได้มาชี้แจงกับเพื่อนๆ ที่มารับจ้างลงสมัครรับเลือกตั้งได้เข้าใจถูกต้องว่าไม่ได้อมเงิน

นายถาวรกล่าวต่อว่า จากนั้นทางเราก็ได้เรียกฝ่ายกฎหมายมา พร้อมกับตั้งกล้องเพื่อที่จะบันทึกภาพขณะที่ชายทั้ง 3 คนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ประกอบกับพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษรออกมาให้เซ็นรับรองในคำให้การ ส่วนตนก็ได้โทร.หานายสุเทพ และได้เดินทางมารับฟังอีกครั้ง นายสุเทพก็เชื่อเหมือนกับที่ตนเชื่อ หลังจากนั้นชายทั้ง 3 คนจะพาไปพบหัวพรรคคนหนึ่งอยู่แถวมีนบุรี เพื่อที่จะเอาข้อมูลการตัดต่อที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ แต่หัวพรรคคนดังกล่าวกลับบอกว่าทำไม่ได้ เนื่องจากเพื่อนฝูงบางคนตั้งใจสมัคร ส.ส.จริงๆ และบางกลุ่มแม้จะรับจ้างก็ไม่สามารถหักหลังใครได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะข้อมูลเท่าที่ได้พอที่จะไปร้องต่อ กกต.ได้ และช่วงที่ร้องต่อ กกต. ก็ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งชายทั้ง 3 คนก็กลัวว่าผู้บริหารพรรคไทยรักไทยจะตามล่า แต่นายสุเทพก็ได้ไปดูแลความปลอดภัยของชายทั้ง 3 คน บทสรุปก็คือ การไต่สวนที่เกิดขึ้นกับ กกต. ซึ่ง กกต.ก็ได้ชี้มูลถึงศาลรัฐธรรมนูญ และก็วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคบางพรรค

“ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าบุคคล 3 คน หรือใครก็แล้วแต่ ถูกข่มขู่ โดยนายสุเทพ หรือใครก็ตาม ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปีนั้นจนถึงวันนี้ หลายปีมาแล้ว ทำไมไม่ออกมาพูด แล้วยังเดินทางไปพบตำรวจ และก็ยังมาให้การกับทางฝ่าย กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งบุคคล 3 คนก็ได้พูดอยู่กับร่องกับรอยมาโดยตลอด ปัญหามีอยู่ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในตอนนี้ และสิ่งสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือ บุคคลที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้บริหารไทยรักไทย และบุคคลทั้ง 3 คน ต้องถูกดำเนินคดีอาญา ดังนั้น แนวทางที่จะเอาตัวรอดของผู้บริหารไทยรักไทยจะเอาชนะคดีอาญาได้ ก็ต้องให้เอาพยานมาช่วยเหลือบุคคลที่ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันทำความผิดต้องหาทางเอารอดให้ได้เช่นเดียวกัน และในทางการเมืองผู้บริหารไทยรักไทยในอดีตก็ได้ถูกกล่าวหาว่าได้ทำการจาบจ้วง หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจาบจ้วง เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กระทบถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้กลับชาติมาเกิดจากพรรคไทยรักไทยมาเป็นพรรคพลังประชาชน นี่ก็เป็นชาติที่ 3 แล้วจากพรรคไทยรักไทย” นายถาวรกล่าว

นายถาวรกล่าวต่อว่า การหาแนวทางเพื่อที่จะกลบเกลื่อนข่าวของกลุ่มการเมืองที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า จาบจ้วงสถาบัน หรือทำให้มิตรประเทศไทย-กัมพูชาเกิดความแตกแยก และประชาชนเดือดร้อน ไม่เป็นผลดีต่อพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง จึงหาแนวทางทุกวิธีที่จะสร้างข่าวขึ้นมา เพื่อกลบเกลื่อนข่าวดังกล่าว และเป็นการเอาตัวรอด ตนขอยืนยันว่า ไม่มีใครข่มขู่ใคร หรือจ้างวานใคร ซึ่งตรงนี้ชี้แจงได้ เพราะมีบันทึกคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร และที่สำคัญคือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นที่ยุติได้ว่าพยานเหล่านี้ให้การจริง สิ่งเหล่านี้จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจ อยากสับสนกัน เพราะการสร้างความสับสนของคนบางคน หรือของพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อกลบเกลื่อนการกระทำของผู้นำ เป็นสิ่งคนเหล่านั้นกำลังกระทำอยู่

เมื่อถามว่าจะฟ้อง พล.อ.พัลลภ กลับหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า “คงไม่ทำ เพียงแต่อยากจะชี้แจงให้เข้าใจก็เท่านั้น เพราะว่าท่านคงฟังเด็กพวกนี้มากเกินไป อยากให้คิดด้วยเหตุด้วยผล โดยเอาประสบการณ์ของท่านมาวินิจฉัยให้ดี และก็อย่าไปเชื่อเด็กพวกนี้มาก เดี๋ยวเสียหายเปล่าๆ”

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้คาดการณ์ในกรณีที่ กกต.จะรับฟังและอาจส่งผลให้มีการรื้อคดีใหม่หรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า คงไม่ คำวินิจฉัย ข้อเท็จจริงของกฎหมาย และผลของคำพิพากษาเป็นที่ยุติ ทุกองค์กรมีข้อผูกพันและรับตามนั้น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น ยิ่งไปดิ้นรนยิ่งอายเขา ยิ่งเสียหาย คนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ต้องคิดให้ดี วุฒิภาวะของผู้ใหญ่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น มิเช่นนั้นอาจจะเสียสถาบัน ทั้งนี้จะไม่ฟ้องกลับ พล.อ.พัลลภแค่อยากชึ้แจงให้เข้าใจเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น