xs
xsm
sm
md
lg

“พล.ร.ท.ประทีป” ชี้แก้ข้อพิพาท ตปท.เรื่องเล็ก ยกเว้นเขมร เหตุผู้นำเอี่ยวผลประโยชน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พล.ร.ท.ประทีป” ชี้ “ฮุนเซน” กร่างเพราะประเทศมหาอำนาจหนุนหลัง ระบุหากเขมร ขีดเส้นฐานตามหลักกฎหมาย ไทยไม่ต้องเสี่ยงเสียพื้นที่เพิ่ม 1.6 หมื่นตารางกิโลเมตร เผยความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน หนีไม่พ้นเรื่อง อธิปไตย ทรัพยากรธรรมชาติ แต่สามารถตกลงกันได้ ยกเว้นกัมพูชา เพราะผู้นำเอี่ยวผลประโยชน์ ขณะที่ “อัมรินทร์” เปรียบประเทศขณะนี้ไม่ต่างช่วงกรุงศรีแตก วอนคนไทยทวงประเทศกลับคืน จี้ รบ.ตอบโต้เขมร ให้เร็ว รู้จักรุกบ้าง อย่าปล่อยให้เป็นภาระของลูกหลาน แนะปรับ ก.ต่างประเทศ เพิ่มดีกรีต่อกรต่างชาติ

รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชนโดยมี นายสำราญ รอดเพชร ดำเนินรายการ ได้รับเกียรติจาก พล.ร.ท.ประทีป ชื่นณรงค์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายอัมรินทร์ คอมันตร์ นักธุรกิจระหว่างประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงพฤติกรรมแข็งกร้าวของ สมเด็จ ฮุนเซน ต่อท่าทีความขัดแย้งในปัญหาพื้นที่พิพาททางเขตุแดน

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า ปัญหาความวุ่นวายระหว่างประเทศ ล้วนเกิดจากการแก่งแย่งกัน ในสิทธิ ด้าน อธิปไตย ทรัพย์ยากรธรรมชาติ สังเกตได้ดังนี้ หากเอาประเทศไทยเป็นตัวตั้ง ความขัดแย้งระหว่างไทยกับพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ก็เกิดขึ้นมาจากการขัดกันในด้านผลประโยชน์ทั้งสิ้น ประเทศเหล่านี้จะมีอาณาเขตุ ทางทะเล ติดต่อกับประเทศไทย ยกเว้นลาวประเทศเดียว ดังนั้นโอกาสที่ไทยจะ เกิดข้อพิพาทกับประเทศลาวเป็นไปได้ต่ำมาก หากลองมานั่งจัดลำดับ โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งต่อประเทศที่เหลือ โดยเอาผลประโยชน์ทางทะเลเป็นที่ตั้ง ประเทศพม่า พื้นที่ทับซ้อนในทะเลอันดามัน โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งค่อนข้างต่ำ เพราะอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจกัน ประเทศมาเลเซีย ก็จบไปแล้ว เพราะมีการตกลงกันได้ ด้านประเทศอินโดนีเซีย เมื่อดูจากเส้นไหล่ทวีป ที่แบ่งเขตุแล้ว โอกาสที่จะเกิด ความขัดแย้งค่อนข้างต่ำ ดังนั้น เหลือเพียงประเทศเดียว คือ กัมพูชา ที่ยังเป็นข้อพิพาทถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้

ส่วนประเด็นความขัดแย้งทางด้านเขตุแดนทางบก มีเงื่อนไขเดียว คือ ศักดิ์ศรีของชาติ เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริง ตนเชื่อว่าความขัดแย้งทางปกสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ปัญหาเส้นแขตุแดนบริเวณเขาวิหาร ที่ตกลงกันไม่ได้เพราะไม่ได้มีเฉพาะเรื่องศักดิ์ศรี แต่มีผลประโยชน์แอบแฝง เชื่อมโยงไปถึงพื้นที่ในทะเลด้วย

นายอัมรินทร์ กล่าวเสริมว่า หากเป็นประเทศอื่นๆ เราก็พอจะคุยกันได้ แต่ประเทศกัมพูชา ผู้นำมีวาระซ่อนเร้น ฉวยโอกาสจากความอ่อนแอ ในการบริหารประเทศของรัฐบาลไทย แสวงหาประโยชน์ จึงทำให้ตกลงกันไม่ได้ การดำเนินทางนโยบายระหว่างประเทศ ต้องวางตัวให้ถูกต้อง สร้างความน่าเชื่อถือ ให้ต่างประเทศเคารพเรา และเป็นมิตรที่ดีต่อเรา หากเราจำเป็นต้องมีผู้นำที่เข็มแข้ง ทันต่อเหตุการณ์ เพื่อความสมดุล เราต้องรู้จักเล่นเกมรุกบ้าง อย่าปล่อยให้เขมรรุกอยู่ฝ่ายเดียว อย่างเรื่องเขตุแดน เช่นประเด็น เขาวิหาร ไทยต้องแสดงความเข้มแข็ง หนักแน่นในหลักสันปันน้ำ อย่าปล่อยให้กัมพูชา ยกแผนที่ฝรั่งเศษ มาอ้าง อย่างไรก็ตามการเจรรากับเขมร ในสภาวะแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากอยู่ หากจะต้องใช้ไม้แข็ง ก็สมควรที่จะนำมาใช้ สำหรับประเทศไทย ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ปรับปรุง ก.ต่างประเทศ ทั้งงบประมาณ และบุคลากร ที่ต้องมีศักยภาพจริงๆ แล้วจะทำให้ประเทศไทย เกิดความแข็งแกร่งต่อกรกับประเทศเพื่อนบ้านได้

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า การสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศเป็นเรื่องดี และจำเป็นต้องทำด้วย การขับเคลื่อนทางด้านการเมือง ของประเทศ เล็กๆ อย่างเรา มันมักมีปัญหาอยู่เสมอ หากมีประเทศมหาอำนาจเป็นพันธมิตรแล้ว บางครั้งบางเงื่อนไขที่เจรจาความกันได้ ประเทศมหาอำนาจมีพลังที่จะคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นลงได้ ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ประเทศเล็กๆ อย่างเราต้องทวงหาควาามเป็นธรรม โดยการสร้างพันธมิตรกับประเทศมหาอำนาจ ให้มานั่งหัวโต๊ะ ในการเจรจาบางเรื่อง เราเสียเปรียบเรื่อง เส้นเขตุแดนทางบก เนื่องจากขณะนั้นเราเป็นประเทศสยาม มีความอ่อนด้อยในด้านความรู้ เทคโนโลยี ความแข็งแกร่งทางทหาร เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศฝรั่งเศส ฉะนั้นทำให้เราต้องยอมรับ แผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้น เมื่อกาลเวลาผ่านมา เรารู้ว่ามันไม่ได้สร้างตามหลักสากล เราก็ต้องทวงถามหาความเป็นธรรม ส่วนจะหาความเป็นธรรมอย่างไรนั้นก็ต้องไปว่ากันอีกที

นายอัมรินทร์กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาไล่ทูตไทยกลับ แล้วไทยก็ตอบโต้ด้วยการไล่ทูตกัมพูชากลับ การดำเนินนโยบายอย่างนี้ของไทยรับมือเขมรไม่ได้ เพราะเล่นลูกรับตลอด ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า เห็นได้ชัดจากกรณีที่ รมว.ต่างประเทศ ไปประชุมเอเปค ที่สิงค์โปร หลังทราบข่าวว่า กัมพูชา ไล่เลขานุการทูตไทยกลับประเทศ แล้ว นายกษิต ภิรมย์ ก็บินกลับประเทศไทยทันที ที่จริงไม่จำเป็นต้องรับกลับขนาดนั้น หากรู้จักวางแผนไว้บ้าง วันนั้ ฮุนเซน มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อยากได้พื้นที่ทั้งบริเวณเขาวิหาร และอ่าวไทย ทำให้เขาทำทุกวิถีทางที่จะทำได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ จนเกิดภาพก้าวร้าวต่อประเทศไทย พยายามสร้างข่าวให้คนคิดอยู่ตลอดเวลา ว่า เขาวิหารและพื้นที่พิพาททางทะเล เป็นของเขา เมื่อพูดบ่อยๆ ย่อมมีคนเชื่อ ในขณะที่ไทยเงียบตอบโต้เบาเกินไป ดังนั้นไทย ต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ตอบโต้ให้เร็ว อย่าปล่อยให้เป็นภาระของลูกหลาน

“หากพรรคการเมืองใหม่ได้เป็นรัฐบาล สิ่งแรกที่ต้องทำในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย คือ ประเทศไทยต้องทำตัวให้สมศักดิ์ศรี ด้วยการมีมิตรที่ดีอยู่ข้างๆ สร้างความมั่นคงให้ต่างชาติเห็นว่าเป็นหนึ่งเดียว และมีผู้นำที่ดี ตรงนี่บางคนอาจจะบอกว่าต้อง พ.ท.ต.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ก็ขอให้คิดว่า ประเทศมาเลเซียในวันนี้ มีคน 26 ล้านคน เขามีคนอย่าง นายแพทย์มหาเดร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ ประเทศสิงคโปร์ มีคนแค่ 4 ล้านคน มีผู้นำอย่าง นายลี กวน ยู ได้ แต่นี่เรามีประชาชนถึงเกือบ 70 ล้านคน ถ้ามีคนที่เข็มแข็งอย่างนั้นไม่ได้ ก็อย่าเป็นประเทศไทยเลย” นายอัมรินทร์ กล่าว

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ได้ ต่อสู้เรื่องพื้นที่ทับซ้อน ตั้งแต่ปี 48 จนกระทั่งกาลเวลา ทำให้ทุกอย่างปรากฏชัดว่า ไม่ได้เป็นเรื่องชาตินิยม หรือคลั่งชาติประเทศไทยเสี่ยงต่อการเสียดินแดนจริง ตรงนี้ตนขออธิบาย พื้นที่ทับซ้อน ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างไทยกับเขมร เพื่อให้เกิดความเข้าใจอีกที ดังนี้ พื้นที่ทับซ้อนเกิดจากการประกาศเขตุไหล่ทวีป ระหว่างไทยกับกัมพูชาเหลื่อมล้ำกัน อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ตั้งแต่ปี ค.ศ.1958 ให้สิทธิของรัฐชายฝั่ง กำหนดเขตุไหล่ทวีป จากแนวเส้นฐานของรัฐชายฝั่งมายังบริเวณน้ำลึกได้ไม่เกิน 200 เมตร แต่เผอิญอ่าวไทยนำลึกสูงสุดไม่เกิน 80 เมตร ทำให้ในเมื่อไทยกับกัมพูชา ต่างลากเส้นลงทะเลคนละ 200 เมตร จึงทำให้เกิดการ ทับซ้อนกัน

อย่างไรก็ตาม มีปัญหาว่าเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะแบ่งกันอย่างไร ประเด็นนี้ตามกฎหมายทะเล 1958 บอกว่า การแบ่งพื้นที่ให้แบ่งโดยใช้หลัก ให้แต่ละประเทศลากเส้นจากชายฝั่งเข้ามาคนละเท่าๆ กัน เมื่อมาชนกันเมื่อไรตรงนั้นจะเป็นจุดแบ่งเขตุ แต่กัมพูชาลากเส้นฐานผิด ด้วยการลากเส้นผ่าเกราะกรูดของไทย ใช้แนวหินโสโครกใต้น้ำเป็นเส้นฐาน จึงทำให้ การกำหนดเส้นไหล่ทวีปผิดไปด้วย แสดงว่าเส้นฐานของกัมพูชา กำหนดขึ้นโดยผิด กฎหมายทะเลระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ หากกัมพูชาลากเส้นฐานตามกฎหมายจะทำให้มีพื้นที่ทับซ้อน ไม่เกิน 1 หมื่นตารางกิโลเมตร แต่พื้นที่ทับซ้อนปัจจุบันมีถึง 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ทำให้ไทยสูญเสียพื้นที่ทางทะเลไป ถึง 1.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ในเมื่อเราทราบว่ากัมพูชาประกาศเส้นไหล่ทวีป ปี 1515 ขณะที่ประเทสไทยประกาศเส้นไหล่ทวีป ปี 2516 เท่ากับแสดงว่า ไทยประกาศไม่ยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา นอกจากนี้ กองทัพเรือ ได้ใช้เรือออกลาดตระเวณ เพื่อแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ มาตั้งแต่ปี 2518

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่าสาเหตุที่ฮุนเซนกร่างเกินตัว ทั้งที่กองทัพไทยมีศักยภาพเหนือกว่ากองทัพกัมพูชา อาจเป็นเพราะเขามีกองทัพประเทศมหาอำนาจหนุนหลัง โดยเฉพาะประเทศที่มีผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน เพราะมีข้อมูลว่าบริษัทน้ำมันของประเทศมหาอำนาจได้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันบนพื้นที่ทับซ้อน มีบริษัทของประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฝรั่งเศส และประเทศอังกฤษ

นายอัมรินทร์กล่าวทิ้งท้ายฝากประชาชนว่า ประเทศไทยจะอยู่รอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนคนไทย วันนี้ประเทศไทยไม่ต่างจากอยุธยาตอนกรุงแตก ที่ตนเข้ามามีส่วนกับพรรคการเมือง ก็เพื่ออยากร่วมกับเพื่อนร่วมชาติ ช่วยกันเอาประเทศไทยของเรากลับคืน หลายคนอาจพูดว่า ไทยไม่ได้เสียดินแดน ก็ขอดูตามความจริง แผ่นดิน การทำกิน อะไรเป็นของคนไทยบ้าง การบริหารพรรคจะต้องเป็นไปเพื่อชาติ แผ่นดิน อย่างจริงจัง
กำลังโหลดความคิดเห็น