รมว.คมนาคม ค้าน มท.3 เจรจาสหภาพ รฟท.หวั่นมีเงื่อนไขเพิ่ม คาด 3 สัปดาห์ สอบสวนเสร็จ ย้ำความปรารถนาดีต้องการปฏิรูปทั้งระบบไม่ใช่แปรรูป ด้าน กมธ.คมนาคมจี้รัฐบาลผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ แนะให้แก้ไขปัญหาขัดแย้งภายในก่อน
วันนี้ (29 ต.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการคมนาคม ที่มีนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ได้เชิญนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนางสุพันธ์ โลบุญเลิศ หัวหน้ากองพัฒนาธุรกิจโครงการ ตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงกรณีแนวทางการฟื้นฟูแผนปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการของการรถไฟแห่งประเทศไทย
โดย นายโสภณชี้แจงว่า สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องการหยุดเดินรถไฟของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ตนไม่เห็นด้วยกับการที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกกระทรวงมหาดไทย ไปเจรจากับแกนนำสหภาพการรถไฟฯ เนื่องจากเกรงว่าสหภาพฯ อาจจะมีเงื่อนไขเพื่อนำไปเป็นข้อต่อรองในอนาคต โดยที่ตนไม่ทราบ รวมทั้งอาจทำให้สหภาพอื่นๆ มาเรียกร้อง ในกรณีอื่นได้อีก เพราะกระทรวงคมนาคมจะต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนได้ตั้งกรรมการสอบสวนการแก้ปัญหาการหยุดเดินรถไฟขึ้นมา 4 คณะ โดยคาดว่าจะใช้เวลา 3 สัปดาห์จึงจะรู้ผล
“วันนี้ถ้าไม่แก้ปัญหารถไฟทั้งระบบ แต่ดึงดันเจรจาให้สมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย อนาคตก็จะเกิดปัญขึ้นอีก และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของการรถไฟ และจะทำให้เอกชนไม่กล้าเข้ามาลงทุน” นายโสภณกล่าว
นายโสภณกล่าวต่อว่า ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างของการรถไฟ ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนามาแอบแฝงที่จะแปรรูปการรถไฟฯ แต่ต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สินกว่า 8 หมื่นล้าน ที่มีมายาวนานเท่านั้น
จากนั้นกรรมาธิการทั้งซีกฝ่ายค้านและรัฐบาล อาทิ พ.อ.วินัย สมพงษ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ได้เสนอให้รัฐบาลเอาจริงในการแก้ปัญหาการรถไฟฯ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และที่สำคัญต้องแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งของคนก่อน เพราะสหภาพการรถไฟฯ ถือว่าเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง จึงหวั่นเกรงว่าปัญหาจะบานปลายเป็นนำไปสู่การเผชิญหน้าจนนำไปสู่ความรุนแรง รวมทั้งอยากให้ตั้งองค์กรกลางขึ้นมาตรวจสอบความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าการรถไฟกับสหภาพการรถไฟ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการส่วนใหญ่ต่างไม่พอใจที่ผู้ว่าการรถไฟฯ ไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง จึงทำให้กรรมาธิการไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นได้